หลังจาก “ถูกกล่าวหา” ว่ามี “พฤติกรรมไม่เหมาะสม” กับผู้หญิงถึงห้าคนเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจมส์ ฟรังโก้ ก็ตกโผออสก้าร์ ที่กะเก็งกันมาตลอดว่าเขาจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงจากภาพยนตร์เรื่อง The Disaster Artist ไปตามที่หลายๆ คนคาด
ดาราหนุ่มวัย 39 ปีคนนี้ ถือว่าเป็น “คนโปรด” ที่คว้ารางวัลจากแทบจะทุกเวทีในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมถึงรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมประเภทคอมเมอดี้ จากเวที “ลูกโลกทองคำ” เมื่อวันที่ 7 มกราคม หรือเพียงสี่วัน ก่อนที่แอลเอไทมส์ จะตีพิมพ์ข่าวที่เป็น “ข้อกล่าวหา” จากผู้หญิงห้าคนดังกล่าว และเพียงห้าวันก่อนที่สถาบันออสก้าร์ ( the Academy of Motion Picture Arts and Sciences) จะปิดรับผลโหวตจากสมาชิก
เห็นได้ชัดว่า ดาราชายที่ถูกเสนอชื่อแทนที่ เจมส์ ฟรังโก้ ในปีนี้คือ เดนเซล วอชิงตัน จากเรื่อง Roman J. Israel, Esq หนังดราม่าที่ไม่ค่อยถูกใจนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ และไม่ทำเงินโดยสิ้นเชิง ขณะที่สี่คนที่เหลือ ล้วนแต่มาตามโผทั้งสิ้น คือ เดเนียล คาลูย่า จาก Get Out, แกรี่ โอลแมน จาก Darkest Hour, ทิโมที คาลาแมท จาก Call Me by Your Name และ เดเนียล เดย์-ลูอิส จาก Phantom Thread ที่เขาบอกว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเขา
ข่าวของลอส แอนเจลิสไทมส์ บอกว่ามีผู้หญิงถึง 5 คน แสดงตัวออกมากล่าวหาว่า เจมส์ ฟรังโก้ ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและฉวยโอกาสล่วงละเมิดทางเพศกับพวกเธอ โดยผู้กล่าวหา 4 ใน 5 คน ก็คือ อดีตนักเรียนการแสดงของเขาเอง
ซาราห์ ทิเธอร์-แคปแลน หนึ่งในนักแสดงประกอบจากหนังอินดี้ฯ เรื่อง The Long Home ที่ เจมส์ ฟรังโก้ เป็นผู้สร้างและผู้กำกับ กล่าวว่า เธอเห็นโปรดิวเซอร์คนนี้ ดึงแผ่นพลาสติกใสที่ใช้ปิดอวัยวะเพศของนักแสดงหญิงคนหนึ่งออก ซึ่งนั่นแปลว่านักแสดงหญิงคนนั้นต้องแสดงฉาก “เลิฟซีน” แบบเปลือยหมดจรด ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ป้องกันตัวเลย
เคที ไรอัน อดีตนักเรียนการแสดงของ เจมส์ ฟรังโก้ อีกคนหนึ่งบอกกับไทมส์ว่า เขา “มักแสดงให้ทุกคนคิดว่า จะถูกพิจารณาให้ได้รับบท หากเรายอมแสดงฉากร่วมรักหรือถอดเสื้อของพวกเราออก”
นักแสดงอีกคนหนึ่งก็คือ ไวโอเลต พาเลย์ ซึ่งเคยมีเป็น “เกิร์ลเฟรน” ของ เจมส์ ฟรังโก้ ระยะหนึ่งในปี 2016 เล่าว่า เขาเคยบังคับให้เธอทำออรัลเซ็กซ์ให้ในรถของเธอเอง...
กับข้อกล่าวหาที่ปรากฎขึ้นมานี้ เจมส์ ฟรังโก้ พยายามแสดงท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจนัก โดยให้สัมภาษณ์ในรายการ The Late Show With Stephen Colbert และ Late Night With Seth Meyers ว่า “ข้อกล่าวหาดังกล่าว ไม่ถูกต้อง” และว่า เขาจะ ”ไม่พยายามแก้ตัว” หรือชี้แจงอะไร รวมถึงบอกว่าผู้หญิงทุกคนควรมีสิทธิ์พูดเรื่องราวของตัวพวกเธอเอง
แต่กระนั้นก็ตาม หลังจากตกเป็น “คนเลว” รายล่าสุดตามกระแส “Me too” ที่เชียวกรากอยู่ในเวลานี้ เจมส์ ฟรังโก้ ก็ดูเหมือนจะพยายามเก็บตัว ไม่ไปร่วมงานประกาศผลรางวัล Critics’ Choice Awards 2018 ซึ่งจัดเมื่อวันที่ 11 มกราคม ส่วนงานใหญ่ SAG Awards เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคมนั้น เขาก็เลี่ยงช่วงเดินพรมแดง เพื่อจะได้ไม่ต้องพบสื่อมวลชนและแฟนภาพยนตร์ ที่ส่วนหนึ่งอาจจะรู้สึกกับเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่กระแส “#MeToo” ที่เชื่อว่ามีผลให้สถาบันออสก้าร์ ถึงกับเขี่ยชื่อของ เจมส์ ฟรังโก้ ออกจากรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลของปีนี้นั้น กลับไม่มีผลกับ โคบี้ ไบรอัน “ซูเปอร์สตาร์” จากวงการบาสเก็ตบอล ที่เจอข้อหา “ข่มขืน” เมื่อ 15 ปีก่อน... ซึ่งนั่นทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าสถาบันออสก้าร์ จะต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์แน่นอน...
โดย โคบี้ ไบรอัน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ หัวข้อภาพยนตร์อนิเมชั่นขนาดสั้น (the best animated short film) จากอนิเมชั่นขนาดหกนาทีเรื่อง Dear Basketball ที่สร้างจากจดหมายอำลาวงการ เอ็นบีเอ ที่โคบี้ ไบรอัน เขียนขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 เป็นอนิเมชั่นที่กำกับโดย เกลน เคียเน (จากค่ายดีสนีย์) ดนตรีโดยคอมโพสเซอร์มือทอง จอห์น วิลเลี่ยม และบรรยายโดยตัว โคบี้ ไบรอัน เอง
รอยด่างดวงใหญ่ในชีวิตของซูเปอร์สตาร์จากวงการบาสเก็ตบอลอเมริกน เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2003 หลังถูกจับด้วยข้อหา “ทำร้ายทางเพศ” ผู้หญิงวัย 19 ปีคนหนึ่งในโรงแรมที่เมืองเอ็ดเวิร์ด รัฐโคโลราโด้ เพราะแม้ข้อหาจะตกไปในภายหลังเพราะ “เหยื่อ” ปฏิเสธที่จะให้ปากคำใดๆ รวมถึงคดีแพ่งที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในเวลาต่อมาก็มีการตกลงยอมความกันนอกศาลด้วยยอดเงินที่ไม่เปิดเผย
โคบี้ ไบรอัน ยืนยันว่าความสัมพันธ์ของเขาและผู้หญิงที่กล่าวหาเขา เป็นสัมพันธ์ที่เกิดจากความสมยอมของทั้งสองฝ่าย
ในช่วงที่ยังไม่เกิดกระแส #MeToo เช่นในขณะนี้ เรื่องราวและบทลงเอยที่เกิดขึ้นจึงถูกมองไปสองแบบ บ้างเห็นใจผู้หญิง แต่ก็มีไม่น้อยที่เห็นใจผู้ชาย และมองว่า โคบี้ ไบรอัน ต่างหากที่เป็น “เหยื่อ” ในเหตุการณ์นี้
กระนั้นก็ตาม ในเวลาต่อมา โคบี้ ไบอัน ก็ได้แสดงสปิริต ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ถึงผมจะยืนมั่นว่าสัมพันธ์ของเราสองคนเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่ายก็ตาม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเธอไม่ได้มองเรื่องที่เกิดขึ้นแบบเดียวกับที่ผมมอง หลังจากใช้เวลาหลายเดือนในการทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฟังเรื่องราวจากทนายความของเธอ รวมถึงฟังการให้การของเธอด้วยตัวเอง ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าเธอไม่ได้สมยอมด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” โคบี้ ไบรอัน ระบุ
เชื่อว่าการที่ โคบี้ ไบรอัน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ในคราวนี้ คงจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า awkward moment บนเวทีออสก้าร์ ซึ่งจะมีขึ้นในค่ำวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคมที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน... เพราะการันตีได้ว่าประเด็นนี้จะกลายเป็น “ประเด็น” ที่มีการพูดถึงเป็นระยะ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งที่เป็น “โจ๊ก” ของพิธีกร (จิมมี่ คิมเมล) และอยู่ในสุนทรพจน์ขณะรับรางวัลของ “วินเนอร์” หลายๆ คน
เผลอๆ อาจจะมี “โอปราห์ โมเมนท์” แบบที่เคยเกิดขึ้นบนเวทีลูกโลกทองคำอีกครั้งก็เป็นได้...
ในส่วนของ เจมส์ ฟรังโก้ ดาราที่ยังหนุ่ม และ (น่าจะมี) อนาคตยาวไกลนั้น ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ากระแส #MeToo จะมีผลกับเขารุนแรงขนาดไหน สามารถที่จะ “คัมแบ๊ก” มาเป็นดาราหัวแถวของฮอลลีวูดเหมือนที่ผ่านมาได้หรือเปล่า...
เพราะจะว่าไป ข้อกล่าวหาที่เขาได้รับตามที่อ่านจากแอลเอไทมส์นั้น เป็นเหมือนกับ “คำตำหนิ” หรือ “คำด่า” พฤติกรรมแบบหื่นๆ ของผู้ชายที่ใช้ “น้องชาย” ช่วยคิดมากกว่าสมองเท่านั้น... ไม่ถึงขั้นเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงเหมือน “รุ่นพี่” อย่าง เควิน สเปซี่ และ ฮาร์วี่ ไวน์สตีน เจอ
เพราะสองคนนั้น ฮอลลีวูดปิดประตูกระแทกหน้าไปเรียบร้อยแล้ว... แถมลงกลอนและล็อคกุญแจแน่นหนาด้วย...