ตระเวนแอลเอ
ตระเวนแอลเอ 381


หวัดใหญ่ระบาดรุนแรงในแคลิฟอร์เนีย




จับพ่อแม่ใจร้าย กักขังทรมานลูก




อีกนานกว่าจะสามารถเปิดฟรีเวย์ 101 ได้




แอลเอ น้ำมันแพงจับจิต




แอลเอ ร้อน




.

คนตายเพราะไข้หวัดในแคลิฟยังพุ่ง

แอลเอไทมส์ อ้างข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขของรัฐว่า การระบาดของไข้หวัด (flu) ฤดูกาลนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 42 ราย หลังจากมีการสรุปยอดล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 12 มกราคม ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก

ข่าวบอกด้วยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าความเป็นจริงค่อนข้างมาก เพราะสำนักงานสาธารณสุขของรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่นับรวมผู้เสียชีวิต (จากหวัด) ที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป

เห็นได้จากตัวเลขของสำนักงานสาธารณสุขของแอลเอ เคาน์ตี้ ที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคหวัดในปีนี้ มากถึง 36 ราย ขณะที่ตัวเลขในปีที่แล้วมีเพียง 13 รายเท่านั้น ส่วนในซานดิเอโก้ เคาน์ตี้ ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 91 รายแล้ว

ขณะนี้ สำนักงานสาธารณสุขของทุกเมืองในรัฐแคลิฟอร์เนีย พยายามรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัด โดยย้ำว่าฤดูกาลระบาดของไข้หวัดยังเหลืออีกหลายเดือน (พฤษภาคม) จึงยังไม่สายสำหรับการเข้ารับการฉีควัคซีนในช่วงนี้

“ปีนี้ ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป ควรรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหวัด” สำนักงานสาธารณสุขของ แอลเอเคาน์ตี้ ระบุ และว่าผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงว่าจะมีอันตรายร้ายแรงจากไข้หวัด เช่นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ฯลฯ ควรรับการรักษาทันทีที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองป่วย ไม่ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม ขณะเดียวกัน สำหรับบุคคลทั่วไป หากมีอาการเพียงเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ให้ดูแลตัวเองที่บ้านแทน

“ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้จากการพักผ่อนและดื่มน้ำเยอะๆ หรือกินยาที่มีจำหน่ายทั่วไป โดยแนะนำให้โทรหาแพทย์หรือพยาบาลแทนการเดินทางมาตรวจโรคที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล ซึ่งเวลารออาจจะยาวนานกว่าปกติในช่วงนี้”

อาการของไข้หวัด คือตัวร้อน ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหลหรือคัดจมูก หนาวและเพลีย โดยผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้โดยการไอ จาม หรือแตะต้องสัมผัสตัวผู้อื่น รวมถึงใช้ของร่วมกันกับผู้อื่นด้วย ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรปิดปากเวลาไอหรือจาม หมั่นล้างมือ และให้ปลีกตัวออกจากสังคม เช่นลาหยุดงาน หรือไม่ไปในที่ชุมชม เป็นต้น

ข่าวบอกด้วยว่า การระบาดของโรคหวัดในช่วงนี้ ส่งผลกระทบรุนแรงกับการบริจาคเลือดทั่วประเทศ โดยสำนักงานกาชาดสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์เร่งด่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอให้ผู้มีสุขภาพแข็งแรง บริจาคเลือด หรือเกร็ดเลือด (platelet) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน.



จับพ่อแม่โหด ขังลูก 13 คนให้อดโซในบ้าน

เดวิด อัลเลน เทอร์พิน วัย 57 ปี และลูอิส แอนนา เทอร์พิน วัย 49 ปี ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อวันที่ 14 มกราคม หลังพบว่าทั้งสองได้กักขังลูก 13 คนเอาไว้ในบ้านเมืองเพอร์ริส ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอสแอนเจลิส ประมาณ 70 ไมล์

ข่าวบอกว่าว่า ลูกๆ ของทั้งสอง ซึ่งบางคนอยู่ในวัยผู้ใหญ่ อยู่ในสภาพที่สกปรกผอมโซ ขาดการดูแลโดยมีเด็กเล็กสามรายถูกล่ามโซ่เอาไว้กับเตียงนอน โดยในเบื้องต้นนี้ สองสามีภรรยาถูกตั้งข้อหาทรมานผู้อื่น 9 กระทง และทำให้เด็กตกอยู่ในอันตรายอีก 10 กระทง โดยทั้งสองจะถูกนำตัวขึ้นรับการพิจารณาคดีในศาลครั้งแรกวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม นี้.

สำนักงานเชอรีฟของริเวอร์ไซด์ เคาน์ตี้ แถลงว่า การจับกุมเกิดขึ้นหลังได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวจากหญิงสาววัย 17 ปี หนึ่งในลูกๆ ของผู้องหา ที่ปีนหน้าต่างหนีออกมาจากบ้านเมื่อเช้าวันอาทิตย์ และใช้โทรศัพท์มือถือที่แอบหยิบออกมาจากในบ้านแจ้ง 911 โดยแถลงการณ์บอกด้วยว่าหญิงคนดังกล่าวดูผอมและตัวเล็กผิดปกติคล้ายกับเป็นเด็กที่มีอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น

จากการตรวจสอบ ตำรวจพบว่าภายในบ้านมีผู้ที่ถูกกักขังอยู่อีก 12 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 2-29 ปี และเชื่อว่าทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน ทั้งหมดถูกขังอยู่ในห้องแคบ มืดทึบ มีกลิ่นเหม็นสกปรกคละคลุ้งไปทั่ว ในจำนวนนี้บางรายถูกล่ามโซ่ติดกับเตียงในห้องด้วย

โดยในบรรดาลูกๆ ทั้งหมดของผู้ต้องหานั้น มีผ​ู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วถึง 7 คน อายุระหว่าง 18-29 ปี ซึ่งตำรวจได้นำทั้งหมดส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพและฟื้นฟูร่างกายแล้ว

ข่าวบอกว่าผู้ต้องหาสองสามีภรรยา ไม่อาจให้การถึงเหตุผลที่กักขังลูกๆ ของตนเองไว้ได้ แต่เพื่อนบ้านบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทุกคนในบ้านแทบจะไม่เคยออกมาข้างนอก ไม่คบหาพูดคุยกับคนในชุมชนด้วย ครั้งหนึ่ง เธอเห็นเด็ก 4 คนออกมาดูแลสนามหน้าบ้านโดยมีแม่ยืนคุมอยู่ตรงประตู เธอจึงกล่าวทักทายแต่ไม่มีใครกล่าวอะไรตอบ ทุกคนก้มหน้าและดูหวาดกลัว เหมือนไม่เคยได้พบเห็นผู้คนมาก่อน

ทั้งนี้ บ้านพักของครอบครัวนี้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนอนุบาล มี เดวิด เทอร์พิน เป็นครูใหญ่ นอกจากนี้ เขายังเคยทำเรื่องล้มละลายเมื่อปี 2011.


คาลทรานส์ เชื่อปิดฟรีเวย์ 101 อีกนาน

แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามเต็มกำลังในการทำความสะอาดดินโคลน และก้อนหินขนาดใหญ่ออกจากพื้นผิวของฟรีเวย์ 101 ในช่วงระหว่างคาร์พินทีเรีย ถึงซานตาบาร์บาร่า มาตลอดอาทิตย์ก็ตาม แต่จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสามารถเปิดฟรีเวย์หลักเส้นนี้ได้เมื่อไหร่

นอกจากนี้ สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ ยังบอกว่าอาจมีฝนตกในพื้นที่ ระหว่าง 0.1-0.2 นิ้ว ในช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 18 มกราคม ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องล่าช้ายิ่งขึ้น เพราะต้องแบ่งกำลังออกไปทำความสะอาดคูคลองที่เต็มไปด้วยดินโคลน เพื่อให้สามารถระบายน้ำฝนที่จะตกลงมาได้โดยไม่ก่อปัญหาใดๆ อีก

เหตุการณ์โคลนถล่มหลังฝนตกหนักในเมืองมอนเทซิโต้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากจะคร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 20 คนแล้ว ยังทำลายบ้านเรือนมากกว่า 120 หลัง และดินโคลน และหินก้อนใหญ่ๆ ที่ไหลลงมาจากภูเขา ยังทับทมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง บางจุดโคลนสูงท่วมศีรษะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ทั้งในส่วนของการกู้ภัย และการทำความสะอาด จะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการทำงาน

ในส่วนของความพยายามทำความสะอาดฟรีเวย์ 101 นั้น ทิม กูบบินส์ หัวหน้าเขต 5 ของสำนักงานขนส่งมวลชนรัฐแคลิฟอร์เนีย (Caltrans) กล่าวว่านอกจากการระบายน้ำ ขนย้ายดินโคลน และก้อนหินออกจากพื้นผิวฟรีเวย์แล้ว ยังรวมถึงการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นผิวจราจรด้วย

“เราจะเปิดไฮเวย์ให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่มันจะต้องอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย ซึ่งตอนนี้ยังยากที่จะบอกได้ว่าเมื่อไหร่” ทิม กูบบินส์ กล่าว.


ราคาน้ำมันในแอลเอ แพงจับจิต

ราคาเฉลี่ยของน้ำมันในลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้  เมื่อวันที่ 11 มกราคม ยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 20 อยู่ที่ 3.25 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 15.9 เซ็นต์ในรอบ 20 วัน

ราคาเฉลี่ยของน้ำมันชนิดธรรมดาที่จำหน่ายในปั้มแบบบริการตัวเองดังกล่าวนี้ ถือว่าสูงกว่าวันเดียวกันของปี 2017 ถึง 37.8 เซ็นต์

ส่วนในออเรนจ์ เคาน์ตี้ ราคาเฉลี่ยน้ำมันเพิ่มต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 20 เช่นเดียวกัน โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3.214 ดอลลาร์ต่อแกลลอน หรือเพิ่มขึ้น 17.9 เซ็นต์ในช่วง 20 วัน และสูงกว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยของวันเดียวกันเมื่อปี 2017 ถึง 34.5 เซ็นต์


ฝนหยุดก็ร้อนจัด... ที่นี่แอลเอ

วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2018 หรือไม่กี่วันหลังจากที่พายุฝนผ่านพ้น สภาพอากาศในรัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้ก็คืนสู่สภาพเหมือน “ฤดูร้อน” แทบจะทันที ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงหน้าหนาว เพราะคลื่นความร้อน หรือฮีทเวฟพัดผ่าน ร้อนถึงขนาดที่อุณหภูมิในหลายๆ พื้นที่สูงลบสถิติเดิม

เช่นที่สนามบิน แอลเอเอ็กซ์ ลบสถิติเดิมที่ 86 องศา, ลองบีช ที่ 88 องศา ขณะที่เมืองเลคฟอร์เรส ในออเรนจ์ เคาน์ตี้ กลายเป็นบริเวณที่ร้อนที่สุดในอเมริกาไปในวันนั้น เพราะอุณหภูมิสูงถึง 90 องศา

โดยสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติบอกว่า ตลอดสัปดาห์นี้ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยในแคลิฟอร์เนียตอนใต้จะอยู่ที่ประมาณ 70-82 องศา โดยจะสูงสุดที่วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม ที่ 90 องศา และคาดว่าจะมีฝนตกปรอยๆ หลายพื้นที่ในวันพฤหัสฯ และศุกร์.

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข