คำว่า กรรม แปลว่า การกระทำ เป็นคำกลางๆ ยังไม่ชี้ชัดลงไปว่า ดี หรือ ชั่ว แต่ขึ้นอยู่กับเจตนา คือ ความตั้งใจ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่า เป็นกรรม”
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ สุภะ เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วทูลถามว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุให้มนุษย์ เลว ดี หยาบ ประณีต มีอายุสั้น มีอายุยืน มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณงาม มีอำนาจน้อย มีอำนาจมาก มีทรัพย์สินน้อย มีทรัพย์สินมาก เกิดในสกุลต่ำ เกิดในสกุลสูง มีปัญญาทราม มีปัญญาดี แตกต่างกัน “
เพื่อให้ได้ความชัดเจน จึงจะนำเอาคำถามมาตั้งแล้วนำคำตอบมาตอบที่ละคำถามไป ในภาษาธรรมดาที่เข้าใจกันง่ายเท่าที่จะเป็นไปได้
พระพุทธเจ้าตอบคำถามโดยภาพรวมก่อนว่า
“สัตว์ทั้งหลายมี กรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและดี ต่างๆกันไป”
ต่อจากนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบปัญหา เป็นข้อๆว่าสิ่งใดเป็นเหตุแห่งความแตกต่างระหว่างบุคคลในด้านต่างๆ ดังนี้
1 มนุษย์เกิดมาอายุสั้น เพราะฆ่าสัตว์ด้วยความโหดเหี้ยม ทารุณ สนุกสนานกับการฆ่าสัตว์ ไม่เคยรู้สึกสงสารเอ็นดู หลังตายแล้วจะเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก คือ ดินแดนที่ทุกข์ทรมาน หากเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเป็นผู้มีอายุสั้น
2 มนุษย์เกิดมาอายุยืน เพราะไม่จับอาวุธฆ่าสัตว์ มือไร้กลิ่นคาวเลือด มีความเอ็นดูต่อสัตว์ทั้งหลาย ช่วยเหลือ มนุษย์ สัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายด้วยความเอ็นดู เมื่อตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ คือ ดินแดนแห่งความสุข เมื่อเกิดในโลกมนุษย์ จะเป็นผู้มีอายุยืน
3 มนุษย์มีโรคมาก เพราะชอบเบียดเบียนสัตว์ ทุบตี ทำร้ายด้วยมือ ด้วยมีด ด้วยไม้ให้ได้รับบาดเจ็บ ทุกข์ทรมาน เมื่อตายไปจะเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก อันเป็นดินแดน แห่งความทุกข์ทรมาน เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ จะเป็นผู้มีโรคมาก
4 มนุษย์มีโรคน้อย เพราะไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่ทรมานสัตว์ ไม่ทุบตี ด้วยมือ ด้วยท่อนไม้ ด้วยอาวุธ เมื่อตายจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดินแดนแห่งความสุข เมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะเป็นผู้มีโรคน้อย
5 มนุษย์มีผิวพรรณไม่ดี เพราะเป็นคนขี้โกรธ หงุดหงิดง่าย พยาบาท อาฆาตมาดร้าย เคียดแค้น ชิงชัง เมื่อตายย่อมไปสู่ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก อันเป็นดินแดนแห่งความทุกข์ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ จะเป็นผู้มีผิวพรรณ ไม่ดี
6 มนุษย์ที่มีผิวพรรณดี เพราะไม่หงุดหงิด ไม่ขัดใจ ไม่โกรธ ไม่ขุ่นเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ดินแดนแห่งความสุข เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณดี
7 มนุษย์มีอำนาจน้อย เพราะมุ่งร้าย ริษยา ในความร่ำรวย ความมีชื่อเสียง ความเคารพนับถือ ของคนอื่น เมื่อตายย่อม ตกไปสู่อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดินแดนแห่งความทุกข์ทรมาน หากเกิดเป็นมนุษย์จะเป็นผู้มีอำนาจน้อย
8 มนุษย์มีอำนาจมาก เพราะไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่อิจฉา ในความมั่งคั่ง ความมีชื่อเสียง การได้รับความเคารพ สักการะของบุคคลอื่น เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดินแดนแห่งความสุข เมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะมีอำนาจมาก
9 มนุษย์ที่มีโภคะน้อย เพราะไม่เคยให้ข้าวให้น้ำให้ผ้าให้ยาน ให้ดอกไม้ ให้ของหอม ให้เครื่องลูบไล้ ให้ที่นอน ที่อยู่ เครื่องตามประทีป เมื่อตายไปจะเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดินแดนแห่งความทุกข์ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะเป็นผู้มีโภคะน้อย
10 มนุษย์ที่มีโภคะมาก เพราะ เป็นผู้ชอบให้ข้าวน้ำ ให้ผ้า ให้ยาน ให้ดอกไม้ ให้ของหอม ให้เครื่องลูบไล้ ที่นอนที่อยู่อาศัย เครื่องตามประทีป (เช่นเทียนและตะเกียง) เมื่อตายย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ดินแดนแห่งความสุข เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมเป็นผู้มีโภคะมาก
11 มนุษย์ที่เกิดในสกุลต่ำ เพราะเป็นคนแข็งกระด้าง เย่อหยิ่ง ไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ยอมให้ที่นั่งแก่คนที่ควรให้ที่นั่ง ไม่ให้ทางแก่คนที่ควรให้ทาง ไม่สักการะแก่คนที่ควรสักการะ ไม่เคารพแก่คนที่ควรเคารพ ไม่นับถือแก่คนที่ควรนับถือ ไม่บูชาแก่คนที่ควรบูชา เมื่อตายย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดินแดนแห่งความทุกข์ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมเกิดในสกุลต่ำ
12 มนุษย์ที่เกิดในสกุลสูง เพราะเป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้ที่นั่งแก่คนที่ควรให้ที่นั่ง สักการะแก่คนที่ควรสักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา เมื่อตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดินแดนแห่งความสุข เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อม เกิดในสกุลสูง
13 มนุษย์ที่มีปัญญาทราม เพราะ ไม่เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ เมื่อทำอะไรแล้วย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน อะไรที่ทำไปแล้วเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เมื่อตายจะไปสู่ อบาย ทุคติ นิบาต นรก เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมเป็นผู้มีปัญญาทราม
14 มนุษย์ที่มีปัญญาดี เพราะชอบเข้าหาสมณะ หรือ พราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษอะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำแล้วย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน อะไรที่ทำแล้วย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เมื่อตายย่อมไปสู่ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมเป็นผู้มีปัญญามาก
พระพุทธเจ้าอาศัยโพธิญาณ จึงได้ทราบเรื่องราวเหล่านี้ในสังสารวัฎของมนุษย์ ทรงทราบชัดถึงเหตุแห่งความเป็นไปในชีวิตของมนุษย์ที่ดำเนินไปตามผลแห่งกรรมที่กระทำแล้วส่งผลไปตามกาลเวลาดั่งการปลูกพืช ที่พระองค์เคยตรัสว่า
“หว่านพืชเช่นไรได้ผลเช่นนั้น”
เมื่อทราบถึงกฎแห่งกรรมจากพระพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ความรู้ที่มนุษย์ธรรมดาเข้าถึงได้ยากโดยหลักตรรกศาสตร์และเหตุผล ก็ควรนำมาไตร่ตรองด้วยโยนิโสมนสิการอย่างแยบคายแล้วเลิกลดละเหตุแห่งการเกิดในทุคติและความเสื่อมทรามทั้งหลาย แล้วพอกพูนสะสมเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองตามที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ชีวิตก็จะได้เจริญก้าวหน้าทั้งโลกนี้และโลกหน้า ดั่งพระพุทธวาจาทุกประการ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่อ่านบทความนี้จงมีพลังใจในการประกอบกรรมดี ด้วยเจตนาที่แน่วแน่และได้รับผลแห่งกรรมดี ตามสมควรแก่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนั้นๆทุกท่านทุกคนเทอญ
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย
11 ธันวาคม 2560 เวลา 6.00 น.