แม้โลกจะก้าวไปไกลแค่ไหน แต่ชีวิตของมนุษย์ยังจำกัดอยู่ที่เดิม คือ มีเพียงกายกับจิต ที่สร้างขึ้นมาจากธรรมชาติ ที่รองรับข้อมูลข่าวสารอันบ่าไหลท่วมท้นโลกอยู่ในขณะนี้ แม้มนุษย์มีความพยายามอย่างสุดจิตสุดใจ ที่จะคิดผลิตภัณฑ์สมัยใหม่มาเสริมกายให้มั่นคงแข็งแกร่งขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่จะมีชีวิตยืนยาวมากขึ้น แต่ยังไม่มีรายใดไปถึงฝั่งฝัน พอถึงเวลาที่ร่างกายนี้จะเสื่อม จะใช้เครื่องมือใดๆยับยั้งด้วยไว้มิได้ จะซ่อมแซมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยเพียงใด ร่างกายอันเป็นผลผลิตทางธรรมชาติก็ต้องสลายไปตามคำสั่งของกฎธรรมชาติ โดยไม่ยอมฟังคำสั่งใคร
พระพุทธเจ้าตรัสเรียกกฎธรรมชาตินี้ว่า กฎไตรลักษณ์ คือ ลักษณะแห่งสรรพสิ่งสามประการคือ อนิจจังไม่เที่ยง ทุกขัง ไม่ทน อนัตตาไม่เชื่อใคร ทุกสิ่งไม่มีข้อยกเว้นต้องเป็นไปตามกฎแห่งธรรมนี้อย่างเคร่งครัด
เทคโนโลยีจะก้าวไปไกลแค่ไหน จะผลิตชิ้นส่วนของร่างกายมาใช้แทน ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติก็ทำไปได้ แต่ใช้งานได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว และการที่จะใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ก็ต้องมีเงื่อนไขต่างๆเข้ามาเป็นตัวช่วยอีกมากมายสุดท้ายก็ต้องสลายไป เครื่องมือที่ผลิตขึ้นมาล้วนใช้ได้ชั่วคราวแล้วเปลี่ยนแปลงหมดคุณภาพไปเสมอ
ท่ามกลางบรรยากาศการบ่าไหลของข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้นไปทุกมุมโลก มนุษย์เพียงใช้ปลายนิ้วในการค้นคว้าแสวงหาข้อมูลข่าวสาร เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตนได้อย่างรวดเร็ว
ใครอยากรู้อยากเห็นเรื่องอะไร ค้นคว้าได้ฉับไวจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มาในรูปแบบต่างๆสารพันชนิด มีข้อมูลข่าวสารในเรื่องเดียวกันที่ต้องการรู้มาให้เลือกมากมาย มากเสียจนไม่สามารถจะเข้าไปเรียนรู้ได้หมดภายในเวลาที่จำกัด เช่น อยากรู้เรื่องสมาธิภาวนาเพียงเรื่องเดียว จะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสมาธิภาวนา จากแหล่งต่างๆมากมาย ชื่อ เสียงหน้าตาของครูอาจารย์ด้านภาวนาเป็นร้อยๆท่าน จะมาเรียงหน้าให้เลือกถึงบ้าน และเรื่องอื่นๆก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน
ถ้าเราจะกลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า อ่านคัมภีร์เก่าแก่ที่เรียกว่า พระไตรปิฎก จะพบว่า พระพุทธเจ้าได้กล่าวถึงเรื่องการกลั่นกรองรับข้อมูลข่าวสารมาใช้ได้เป็นอย่างดี ชาวพุทธหลายท่านอาจจะเคยอ่านหรือเคยฟังเรื่อง ใบไม้ในกำมือกันมาแล้ว
เรื่องมีอยู่ว่า คราวหนึ่ง พระพุทธเจ้าและพระภิกษุจำนวนมาก เสด็จผ่านไปป่าประดู่ลาย เข้าไปประทับพักร้อนในป่าประดู่นั้น แล้วพระองค์ทรงเก็บใบไม้มาเต็มกำมือ ยกขึ้นถามภิกษุทั้งหลายว่า “เธอทั้งหลายเห็นใบไม้ในกำมือนี้ไหม”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “เห็นพระพุทธเจ้าข้า”
พระองค์ตรัสถามต่อไปว่า “ใบไม้ในกำมือ หรือ ใบไม้ทั้งหมดในป่ามีมากกว่ากัน”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ใบไม้ในป่ามีมาก ใบไม้ในกำมือมีน้อย”
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ธรรมะที่เราตรัสรู้มากมายเปรียบเหมือนใบไม้ในป่า แต่ธรรมะที่นำมาสอนเปรียบเหมือนใบไม้ในกำมือ”
ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลถามว่า “ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นพระเจ้าข้า”
พระองค์ตรัสว่า “เพราะธรรมะที่นำมาปฏิบัติแล้วดับทุกข์ได้มีประมาณเท่าใบไม้ในกำมือ แต่ที่รู้แล้วไม่ดับทุกข์มีประมาณเท่าใบไม้ในป่า” พระองค์จึงนำมาเฉพาะที่ดับทุกข์ได้เท่านั้น
ฟังเรื่องนี้จากพระไตรปิฎกแล้ว ก็สามารถนำมาเป็นหลักคิดให้กับชีวิตในการเลือกใช้ข้อมูลข่าวสารที่บ่าไหลไปทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
เครื่องมือสำคัญในการกลั่นกรองตามหลักการนี้ เรียกว่า โยนิโสมนสิการ แยกศัพท์ออกมาให้เห็นกันง่ายๆ คือ โยนิโส แปลว่า โดยแหล่งกำเนิด แหล่งที่มาดั้งเดิม ส่วนคำว่า มนสิการ แปลว่า กระทำไว้ในใจ ก็คือ พิจารณาสิ่งที่ได้รับมาจากข้างนอกหรือ ที่อื่นๆ ที่เรียกว่า ปรโตโฆสะ
ข้อมูลข่าวสารต่างๆที่ไหลมาทางเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ทุกชนิดล้วนจัดเข้าใน ปรโตโฆสะ ทั้งสิ้น ถ้าจะแยกศัพท์กันแบบง่ายๆ จะได้ว่า ปรโต แปลว่า จากที่อื่น หรือ จากคนอื่น หรือจากอะไรๆอื่นๆ ส่วนโฆสะ แปลว่า ดังก้องมา นำสองคำมาต่อกันก็แปลได้ว่า เสียงสะท้อนมาจากที่อื่น
ตอนนี้ข้อมูลที่มาตามสื่อสมัยใหม่มีทั้งรูปและเสียงที่ชัดเจนในทุกๆเรื่องที่คนสนใจ
เบื้องต้นจะต้องตั้งสติให้ดีเสียก่อนว่า ตนเองต้องการข้อมูลข่าวสารอะไร เป็นประโยชน์ไหม ดับทุกข์หรือแก้ปัญหาได้ไหม
การตั้งสติตั้งคำถามเสียก่อน เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการสร้างเครื่องกรองได้เป็นอย่างดี
ขั้นต่อมาสืบค้นข้อมูลที่ตั้งใจจะนำมาใช้ประโยชน์นั้น จะเป็นประโยชน์ด้านใด มีมากมายหลายอย่างตามความต้องการของแต่ละคน ซึ่งมีความต้องการไม่เหมือนกัน
ขั้นเรียบเรียงข้อมูล เมื่อได้ข้อมูลข่าวสารนั้นมาแล้วก็เรียบเรียงให้เป็นระบบ
ขั้นกลั่นกรอง เมื่อได้ข้อมูลดิบมาแล้วก็สืบค้นดูอีกครั้งว่า ได้มาจากแหล่งไหน โดยมุ่งไปที่โยนิโส คือ แหล่งกำเนิดของข้อมูลนั้น หรือ แหล่งข้อมูลตรง เช่น อยากจะทราบกิจวัตร การเผยแผ่ และการปฏิบัติธรรมของ พระธรรมาจารย์รูปหนึ่ง ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ต้องตรงไปสืบค้นสัมภาษณ์กินอยู่หลับนอนในวัดของท่าน จึงจะได้ข้อมูลขั้น โยนิ คือแหล่งกำเนิดแห่งข้อมูลอย่างแท้จริง
หากท่านเสียชีวิตแล้ว ขั้นต่อไปต้องฟังคำสอนของท่านจากบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือ ถ้ายังมีเสียงคำบรรยายของท่านก็ศึกษาจากเสียงคำบรรยายนั้นโดยจำเพาะเจาะจงลงไปถึงเรื่องที่ต้องการจะรู้แล้วนำเป็นใช้ประโยชน์เพื่อการดับทุกข์
คำว่า ความดับทุกข์จากพระพุทธองค์นั้น ตรงประเด็นที่สุด เช่น ถ้าสงสัยเรื่องอะไร ยังไม่ได้คำอธิบายที่แจ่มแจ้ง ก็วิตกกังวลสงสัย สิ่งเหล่านี้คือ เหตุแห่งทุกข์ แต่หาก ได้รับคำอธิบายแล้วอย่างแจ่มแจ้ง สิ่งที่ค้างคาใจหลุดออกไป ความทุกข์ก็หมดไป
ในการประกอบกิจการงานต่างๆก็เช่นเดียวกัน หากยังทำงานนั้นๆไม่สำเร็จ ความรู้สึกวิตกกังวลยังมีอยู่ ต่อเมื่อใด ได้ทำงานนั้นให้ผ่านพ้นไปแล้ว ความทุกข์ก็สิ้นไป
การตั้งเป้ารับข้อมูลข่าวสารทั้งหลาย จึงควรตั้งไว้ที่ ประโยชน์ และดับทุกข์ได้ ลงท้ายมีความสุข
กระบวนการใช้โยนิโสมนสิการ ต้องมุ่งไปสู่ความจริงแท้ของข้อมูลข่าวสารนั้นๆโดยการเข้าสู่แหล่งข้อมูลดั้งเดิม หากหาแหล่งดั้งเดิมไม่ได้ ต้องใช้แหล่งข้อมูลต่อๆมาต้องใช้สติอย่างรอบคอบ ปัญญากลั่นกรองหลายๆครั้ง
การกลั่นกรองที่สำคัญ คือ การพิจารณาว่า ผลสอดคล้องกับเหตุหรือไม่ หรือเหตุที่สร้างขึ้นมานั้น สอดคล้องกับผลที่เคยออกมาหรือจะออกมาหรือไม่
ในบางคราวพิจารณาเฉพาะเรื่อง เฉพาะประเด็นจะเชื่อมโยงปัจจัยอื่นมิได้ บางเรื่องต้องดูทั้งกระบวนการตั้งแต่เริ่มเหตุ สู่กระบวนการและผลที่ออกมาสอดคล้องกันตลอดสาย จึงตัดสินใจได้ว่าถูกต้อง
เครื่องกรองที่กล่าวมานี้ จะทำให้ผู้กรองได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการนำมาใช้ประโยชน์ในการศึกษา ในหน้าที่การงาน เพื่อผลสุดท้าย ทำงานเสร็จด้วยความโล่งใจที่ได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้านและก่อประโยชน์ในเนื้องานนั้นจริงๆ
หากได้ใช้ทั้งสติปัญญาและโยนิโสมนสิการครบถ้วนกระบวนความแล้ว การรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ ก็จะเป็นประโยชน์ของตนและผู้อื่นอย่างแน่นอน
สรุปว่า ใช้สติปัญญาและโยนิโสมนสิการ กลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
ขออวยพรให้ทุกท่านที่รับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่างๆจงรับมาด้วยดี ใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องตามจุดประสงค์ของแต่ละท่านแล้วประสบสุขโดยทั่วกัน.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย
วันที่ 4 ธันวาคม 2560 เวลา 5.25 น.