คณะกรรมการบริหารเคาน์ตี้ ลอส แอนเจลิส (The Los Angeles County Board of Supervisors) ลงมติเห็นชอบเมื่อวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2017 กับกฎหมายว่าด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสาธารณสุข ออกตรวจร้านนวด หรือ massage parlor ที่เปิดให้บริการในแอลเอ เคาน์ตี้ เป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาค้ามนุษย์ หรือ human trafficking ขึ้นในธุรกิจที่กำลังบูมในทุกพื้นที่เวลานี้
ข้อเสนอดังกล่าว เป็นของซูเปอร์ไวเซอร์ เจนีซ ฮาห์น ที่ต้องการแอลเอ เคาน์ตี้ ออกกฎหมาย (ordinance) ว่าด้วยการควบคุมปัญหาค้ามนุษย์ โดยให้สำนักงานสาธารณสุขของเคาน์ตี้ ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจร้านนวดเป็นประจำ เพื่อมองหาสิ่งบ่งชี้ถึงปัญหาค้ามนุษย์ในร้านนวด โดยปัญหาค้ามนุษย์ที่กล่าวถึงนี้ เจนีซ ฮาห์น กล่าวว่าไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะผู้ที่ถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศในร้านนวดเท่านั้น แต่หมายถึงแรงงานที่ได้รับค่าแรงต่ำกว่ามาตรฐานด้วย
“ร้านนวดบางแห่ง ขึ้นป้ายว่าให้บริการในราคาแค่ 15 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งฉันเกรงว่าเขาทำได้เพราะมีการบังคับให้ทำงานโดยไม่ได้ค่าแรง หรือได้ค่าแรงน้อยมาก” เจนีซ ฮาห์น กล่าว
ด้านซูเปอร์ไวเซอร์ ฮิลด้า โซลิส ซึ่งร่วมเขียนญัตติฉบับนี้ กล่าวว่าที่ผ่านมา เธอเห็นมีการเปิดร้านนวดหลายแห่งในพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย ซึ่งเธอมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
“อย่างใน เอล มอนเต้ ซึ่งเป็นเมืองที่ดิฉันอาศัยอยู่ มีร้านนวดเปิดขึ้นมากมายในที่ลับๆ” เธอกล่าว
สอดคล้องกับคำกล่าวของ กัปตัน คริส มาร์ค จากหน่วยงานแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ของสำนักงานเชอรีฟ แอลเอ เคาน์ตี้ ที่ร่วมให้ปากคำในการที่ประชุมของคณะกรรมการบริหารฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาด้วย โดยเขาบอกว่า เกือบทุกคำร้องเรียนว่ามีการทำผิดในร้านนวด ที่ทางหน่วยงานของเขาได้รับเข้ามานั้น ผลการตรวจสอบมักลงเอยด้วยการจับกุมเสมอ
กัปตัน คริส มาร์ค บอกด้วยว่า ทางสำนักงานของตนทำงานในลักษณะเป็นพาร์ทเนอร์ กับองค์กรไม่หวังกำไรที่ทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ชื่อ โพลาริส ซึ่งโพลาริสได้ทำการสำรวจประกาศโฆษณารับนวดที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ จำนวน 1,500 ชิ้นในแอลเอ พบว่ามากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของหมายเลขโทรศัพท์บนโฆษณา เป็นของเว็บไซต์ขายบริการทางเพศในรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้ หลังจากข้อเสนอกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเคาน์ตี้แล้ว ข่าวบอกว่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณหกเดือน สำหรับการร่างเป็นกฎหมาย (ordinance) ของเคาน์ตี้ และนำกลับเข้าสู่ที่พิจารณาของที่ประชุมอีกครั้ง
ข่าวบอกด้วยว่า ทางแอลเอ เคาน์ตี้ จะทำงานร่วมกับเทศบาลเมืองแอลเอ (ซิตี้) ในการออกเทศบัญญัติที่มีเนื้อหาสาระแบบเดียวกันสำหรับใช้กับร้านนวดในเขตเมืองแอลเอ ด้วย
โดยซูเปอร์ไวเซอร์ มาร์ค ริดเล่ย์-โทมัส (เขตสอง) แสดงความเห็นว่าการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ทั้งในส่วนของการเอารัดเอาเปรียบแรงงานและการค้าประเวณี ให้ได้ผลจริงจังนั้น จำเป็นต้องใช้ความร่วมมือของหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ จึงจะประสบผลสำเร็จ
ทั้งนี้ ปัญหาอื้อฉาวในร้านนวด ยังคงปรากฎเป็นข่าว และทำลายภาพพจน์ของร้านนวดอยู่ตลอดเวลา โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เทศบาลเมืองพิโก้ ริเวอร่า ได้ออกประกาศระงับ (moratorium) การเปิด ย้าย หรือขยายธุรกิจนวดในเขตเมือง เป็นเวลา 45 วัน เพื่อให้เวลากับเจ้าหน้าที่ของเทศบาล และคณะกรรมการผังเมือง ได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการออกเทศบัญญัติควบคุมไม่ให้มีการค้าประเวณี หรือการกระทำผิดกฎหมายใดๆ ในร้านนวดเสียก่อน โดยการออกประกาศดังกล่าว เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากมีการจับกุมพนักงานหญิงของร้านนวด ชื่อ เรนโบว์ มาสสาจ (6105 Rosemead Blvd.) ในข้อหาค้าประเวณี เมื่อต้นเดือนกันยายน 2017.