เว็บไซต์ Law360 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2017 ถึงความคืบหน้าของการพิจารณาความผิดของ นายนริศ จำรูญรัตน์ วัย 34 ปี คนไทยที่ถูกฟ้องร้องเอาผิดทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง จากพฤติกรรมการฉ้อโกงนักเล่นหุ้นทั่วโลกกว่า 260 คน ซึ่งเป็นชาวอเมริกันไม่ต่ำกว่า 150 คน รวมเป็นเงินกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสยามทาวน์ยูเอส ได้ติดตามข่าวนี้มาตั้งแต่ต้น
ข่าวระบุว่าในวันดังกล่าว ทนายความของ คณะกรรมาธิการควบคุมการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ หรือ SEC (The U.S. Securities and Exchange Commission) ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอาผิดในคดีแพ่งต่อนายนริศ จำรูญรัตน์ และพรรคพวก ได้แจ้งต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวเจอร์ซี่ ว่าสามารถบรรลุข้อตกลง (settlement) กับจำเลยได้แล้ว และขอให้ศาลพิจารณาอนุญาตด้วย
โดยเอกสารที่ SEC ได้ยื่นต่อผู้พิพากษา เควิน แม็กนูลตี ระบุว่าจำเลย คือนายนริศ จำรูญรัตน์ จากกรุงเทพฯ ยินดีคืนผลประโยชน์จากการทำผิด (Disgorgement) เป็นเงิน 918,000 ดอลลาร์ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวนี้ นายนริศ จำรูญรัตน์ จะได้รับการยกฟ้องในคดีอาญา ซึ่งกระทรางยุติธรรมสหรัฐฯ เป็นโจทก์ (ข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ 1 กระทง) รวมถึงจะไม่มีการลงโทษทางแพ่ง และไม่ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยจำนวน 71,500 ดอลลาร์ตามที่มีการตัดสินไว้ก่อนหน้านี้ด้วย
ข่าวบอกว่าขณะนี้ เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้พิพากษา แต่ไม่ได้ระบุว่าศาลนัดประกาศคำตัดสินเมื่อไหร่ และว่าข้อตกลงระหว่าง SEC กับจำเลยในคดีแพ่งนี้ ระบุเพียงชื่อของนาย นริศ จำรูญรัตน์ เพียงคนเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลประกอบคำฟ้องระบุว่า นริศ จำรูญรัตน์ พร้อมพวก คือ ยานีฟ เเอฟนอน วัย 26 จากกรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล และ รัน อาร์มอน วัย 45 จากเมืองโตรอนโต้ ประเทศคานาดา ได้ร่วมกันขโมยเงินไม่น้อยกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์ จากบัญชีลูกความของบริษัท นองโก้ เทรดดิ้ง (Nonko Group LLC) ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหุ้นระยะสั้น แบบที่เรียกว่า day-trading ที่เกาลูน ฮ่องกง ซึ่งมีชื่อของ นริศ จำรูญรัตน์ เป็นเจ้าของ
โดยการขโมยเงินจากบัญชีของลูกความดังกล่าว มีขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม 2013 ถึง 2015 จากวิธีแยบยล เริ่มจากการสรรหาเหยื่อที่ไม่มีประสบการณ์ หรือไม่ประสบผลสำเร็จในการเล่นหุ้นมากนัก เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เปิดบัญชีกับบริษัทของตน และทำการโอนเงิน (ครั้งละประมาณพันดอลลาร์) เข้ากองทุนของบัญชีดังกล่าว แต่แทนที่จะใช้เงินในการซื้อหุ้นตามวัตถุประสงค์ของนักลงทุน นริศ จำรูญรัตน์ และผู้สมรู้ร่วมคิดกลับ “ขโมย” เงินก้อนดังกล่าวไปเป็นสมบัติส่วนตัว
หลังจากนั้น ผู้ต้องหาชาวไทยและพรรคพวก จะบอกกับเหยื่อว่า “โชคไม่ดี” การซื้อขายหุ้นไม่ได้รับผลกำไร โดยมีการส่งเอกสารซื้อขายหุ้นจำลอง แบบที่เรียกว่า simulated trading ซึ่งเป็นเอกสารซื้อขายหุ้นจำลอง (เพื่อให้นักเล่นหุ้นฝึกซื้อหรือเรียนรู้เทคนิคการซื้อขายหุ้น) โดยบอกว่าเป็นเอกสารฉบับจริงไปให้เหยื่อด้วย
โดยคำฟ้องระบุว่าการหลอกลวงของ นริศ จำรูญรัตน์ และพวกดังกล่าวนี้ มีนักลงทุนตกเป็นเหยื่อจำนวนมากกว่า 260 คนจากกว่า 30 ประเทศ โดยมีชาวอเมริกันตกเป็นเหยื่ออย่างน้อย 180 คน โดยเหยื่ออย่างน้อยหนึ่งคน เป็นคนอเมริกัน อาศัยอยู่ในนิวเจอร์ซี่ ถูกหลอกลวงเป็นเงิน 2,500 ดอลลาร์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2014 ได้เป็นพยานสำคัญในการเอาผิดหนุ่มไทยและพรรคพวกในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ แต่เดิมนั้น นายนริศ จำรูญ ถูกตั้งข้อหาอาญาร้ายแรงถึงสองข้อหา คือคือข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร (wire fraud) และข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ (securities fraud) แต่ภายหลังมียกฟ้องข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ ทั้งนี้เพื่อแลกกับการยอมรับสารภาพผิดของผู้ต้องหาชาวไทย ในข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกินห้าปี และต้องเสียค่าปรับเป็นเงินสูงสุดไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์.