เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2017 พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เขามีความมั่นใจว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะสามารถผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีให้ผ่านความเห็นชอบของคองเกรสได้สำเร็จ และว่าจะมีการเปิดเผยกรอบเวลาในการปฏิรูปภาษีในสัปดาห์หน้า
พอล ไรอันกล่าวว่า การเปิดเผยกรอบเวลาการปฏิรูปภาษี จะสะท้อนถึงฉันทามติของผู้ร่างแผนปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรส และรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยคณะกรรมการร่างแผนปฏิรูปภาษีจะรับเสียงตอบรับต่อแผนดังกล่าว และนำไปพิจารณาเพื่อเสนอร่างกฎหมายในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ ต่อข้อถามที่ว่า นายไรอันมีความเชื่อมั่นหรือไม่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะสามารถผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษี หลังจากที่เขาได้รับความร่วมมือจากพรรคเดโมแครตในสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ นายไรอันกล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผลักดันการปฏิรูปภาษีความว่า "กระบวนการอนุมัติมาตรการปฏิรูปภาษี และปรับลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเราจะเริ่มต้นในไม่ช้า เราจึงขอให้คองเกรสดำเนินการอย่างรวดเร็ว และจากการที่พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา และฮาร์วีย์สร้างความเสียหายอย่างหนัก จึงทำให้การปฏิรูปภาษี และการปรับลดภาษีมีความจำเป็นมากขึ้นกว่าในอดีต" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การปฏิรูปภาษีถือเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ความสำคัญสูงสุด และเขาแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐจะผลักดันการปฏิรูปภาษีให้ประสบผลสำเร็จภายในปีนี้
ในวันเดียวกัน (13 กันยายน) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้พบปะกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 13 คน จากพรรครีพับลิกัน 5 คน และเดโมแครตอีก 8 คน ที่ทำเนียบขาว เพื่อขอการสนับสนุนสำหรับการปฏิรูปภาษี หลังจากที่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้พบกับสมาชิกวุฒิสภากลุ่มหนึ่งจากทั้งสองพรรคไปก่อนแล้ว โดยสมาชิกวุฒิสภาบางรายที่ได้พบปะกับปธน.ทรัมป์เมื่อวานนี้ กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์เน้นย้ำว่าการปรับลดภาษีจะต้องไม่เอื้อต่อชาวอเมริกันที่ร่ำรวย แต่จะต้องเกิดประโยชน์สำหรับชนชั้นกลาง
เชื่อกันว่า การพบกันระหว่างนักการเมืองจากทั้งสองสภากับประธานาธิบดีทรัมป์ น่าจะเป็นการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน เพราะในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์และพรรครีพับลิกันต้องการให้คองเกรส ผ่านมาตรการปฏิรูปโครงสร้างภาษี, มาตรการปรับเพิ่มเพดานหนี้ และอื่นๆ นั้น พรรคเดโมแครต ก็ต้องการช่วยเหลือบรรดา ดรีมเมอร์ หรือเยาวชนที่ติดตามพ่อแม่เข้ามาในอเมริกาแบบผิดกฎหมายตั้งแต่ยังเล็ก ให้ได้รับความคุ้มครองจากโปรแกรม DACA ที่กำลังจะหมดอายุในเดือนมีนาคม ศกหน้า เช่นกัน
โดยในช่วงเย็นของวันที่ 13 กันยายน หลังเสร็จสิ้นการพะปะพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว แกนนำของพรรคเดโมแครต ก็ออกมาแถลงว่าประธานาธิบดีทรัมป์ “รับปาก” ว่าจะสนับสนุนผลักดันกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเหล่าดรีมเมอร์ ทั้งแปดแสนคน ให้มีช่องทางในการเปลี่ยนสถานภาพได้ หลังจากโปรแกรม DACA สิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม ศกหน้า
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดของแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี ที่เชื่อว่าจะผ่านความเห็นชอบของสองสภาแบบไม่ยืดเยื้อก็ตาม แต่พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรฯ ได้เปิดเผยว่าจะมีผลให้เกิดการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20-25 เปอร์เซ็นต์ จากระดับ 35 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน
นายไรอันกล่าวว่า เขาต้องการให้สหรัฐฯ ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของประเทศอุตสาหกรรมที่ 22.5 เปอร์เซ็นต์ หรือต่ำกว่านั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้ว สามารถปรับลดลงมาที่ระดับ 20-25 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดี่ยวกันก็ย้ำว่า การปรับลดภาษีดังกล่าวลงเหลือ 15 เปอร์เซ็นต์ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยเสนอไว้ก่อนหน้านี้นั้น อาจเป็นไปได้ยาก หากรัฐบาลไม่สามารถจัดหารายได้ทางอื่นเข้าคลัง เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายได้
ทั้งนี้ นายไรอัน ถือเป็น 1 ใน 6 แกนนำหรือที่เรียกว่า "บิ๊กซิกซ์" ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาเพื่อกำหนดนโยบายปฏิรูปภาษี โดยอีก 5 คนที่เหลือประกอบด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง, นายเควิน แบรดี้ ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้แห่งสภาผู้แทนราษฎร, นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา, นายออร์ริน แฮทช์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภา และนายแกรี โคห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ.