เด็กแอลเอ จบไฮสกูลมากเป็นประวัติการณ์

เขตการศึกษาของลอส แอนเจลิส หรือ LA Unified School District แถลงข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สัดส่วนของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในปี 2017 สูงถึง 80.2 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ถือว่าสร้างสถิติใหม่ กล่าวคือสูงกว่าสถิติเดิมของปี 2016 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์

ตัวเลขของนักเรียนที่สำเร็จศึกษาดังกล่าวถือว่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากปีการศึกษา 2015 ถึง 2016 ที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 5 เปอร์เซ็นต์ คือจาก 72 เปอร์เซ็นต์ เป็น 77 เปอร์เซ็นต์


ใครเป็นเจ้าลิขสิทธิ์ภาพ “ลิงเซลฟี่”

เมื่อปี 2008 ช่างภาพชื่อ เดวิด สเลเตอร์ เดินทางไปท่องเที่ยวในป่าของอินโดนีเซีย และใช้เวลาอยู่กับฝูงลิงมาแค็ค (macaque monkey) นานสามวัน จนฝูงลิงคุ้นชิน ทำให้เขาสามารถถ่ายภาพในระยะใกล้ได้ แต่ภาพที่กลายเป็นที่ฮือฮาและสร้างรายได้ให้กับเขามากที่สุด กลับเป็นภาพที่ลิงชื่อ “นารูโตะ” กดสายชัตเตอร์ถ่ายภาพตัวเองขณะยิ้มอ่อนๆ ในลักษณะที่เรียกว่า “เซลฟี่” ซึ่งภาพน่ารักของเจ้าลิงน้อย ถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่นโฆษณา และอื่นๆ อย่างแพร่หลาย สร้างรายได้ให้กับ เดวิด สเลเตอร์ ต่อเนื่องกันหลายปี

เดวิด สเลเตอร์ ยอมรับว่าเขา “จงใจ” ปรับแต่งกล้องถ่ายรูปของเขา ให้ง่ายต่อการที่ลิงจะกดชัตเตอร์เอง

จนถึงปี 2015 กลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ ที่รู้จักกันในชื่อ PETA หรือ People for the Ethical Treatment of Animals ได้ยื่นฟ้องศาลในนามของลิงนารูโตะ ขอเป็นผู้ควบคุมรายได้ที่เกิดจากภาพถ่าย ที่ลิงนารูโตะ กดชัตเตอร์เองภาพนี้ แต่ผู้พิพากษา วิลเลี่ยม ออร์ริค แห่งศาลแขวงสหรัฐฯ ตัดสินเข้าข้างช่างภาพเมื่อปี 2016  โดยระบุว่ากฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครองสัตว์ของสหรัฐฯ ไม่มีส่วนใดระบุถึง “ลิขสิทธิ์” หรือ Copyright ของผลงานศิลปะที่สัตว์สร้างขึ้น เป็นเหตุให้กลุ่ม PETA ยื่นฟ้องต่อศาลอุทธรณ์ เซอร์กิตที่ 9 ในานฟรานซิสโก ในเวลาต่อมา

โดยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ทนายความของทั้งสองฝ่าย ได้ร้องต่อคณะผู้พิพากษาสามคนของศาลาเซอร์กิตที่ 9 ว่าให้ยืดเวลาประกาศคำตัดสินออกไปจากกำหนดเดิม คือในเดือนกรกฎาคม 2017 เพราะการเจรจาของทั้งสองฝ่ายคืบหน้าไปมาก อาจได้ข้อสรุปโดยไม่ต้องพึ่งคำสั่งศาลได้ในเร็ววัน

และเมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2017 ทนายความของทั้งสองฝ่าย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ทั้ง PETA และ เดวิด สเลเตอร์ สามารถหาข้อตกลงกันได้แล้ว นั้นคือลิขสิทธิ์ของภาพ “ลิงเซลฟี่” จะยังเป็นของ เดวิด สเลเตอร์ ต่อไป แต่นับจากนี้ เขาจะแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้นจากภาพนี้ จำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ให้กับองค์กรการกุศลที่ทำงานอนุรักษ์ลิงมาแค็คในอินโดนีเซียต่อไป โดยจะไม่มีการพูดถึงรายได้ที่ เดวิด สเลเตอร์ ได้รับจากภาพนี้ในช่วงก่อนหน้านี้แต่อย่างใด.


ห้องน้ำสาธารณะแอลเอ สอบตกเรื่องความสะอาด

รอน กัลเพอริน หัวหน้าคลังของเมืองลอส แอนเจลิส เปิดเผยผลการสำรวจความสะอาดของสวนสาธารณะในความดูแลของเทศบาลเมืองแอลเอ เมื่อวันที่ 13 กันยายน ว่าโดยภาพรวมแล้ว ได้เกรด ซี เท่านั้น โดยปัจจัยที่เป็นปัญหาหลัก คือห้องน้ำ ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่มีมาตรฐานในเรื่องของความสะอาด

โดยรายงานผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า ห้องน้ำของสวนสาธารณะถึง 16 แห่งในแอลเอ ได้รับเกรด D หรือ F โดยบางแห่ง ความสกปรก และอันตรายจากการเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคยังลุกลามออกจากห้องน้ำมายังบริเวณโดยรอบด้วย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของโฮมเลส และงบประมาณ ที่หน่วยงานดูแลสวนสาธารณะได้รับน้อยลงเรื่อยๆ

แม้กระทั่ง แม็กอาร์เธอร์ ปาร์ค สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมือง ที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้รับคะแนนแค่ C- จากที่เคยได้ชื่อว่าเป็นสวนสาธารณะที่สวยงามและสะอาดที่สุดของเมืองแอลเอ เพราะมีเศษแก้วแตก และขวดใส่ยาถูกทิ้งอยู่รอบห้องน้ำ ห้องน้ำไม่มีกระดาษชำระ และไม่มีสบู่ล้างมือ โดยปัญหาของสวนสาธารณะที่เทศบาลใช้เป็นสถานที่จัดเทศกาลดอกบัวบาน (Lotus Festival) แห่งนี้มาจากปริมาณของโฮมเลส ซึ่งตั้งเต้นท์อยู่ในสวน และบริเวณรอบๆ เป็นจำนวนมาก

รอน กัลเพอริน บอกว่าผลสำรวจเรื่องความสะอาดของสวนสาธารณะฉบับนี้ จัดทำโดยการสำรวจความเห็นของผู้ใช้บริการสวนสาธารณะจำนวน 3,700 คน ร่วมกับการส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจสวนสาธารณะ 40 แห่ง (จาก 96 แห่ง) 

โดยสวนสาธารณะที่ได้รับคะแนนสูงสุดคือ เวสท์วูด ปาร์ค บนถนน Sepulveda Blvd. ที่มีสระว่ายน้ำแบบอินดอร์ และสนามแร็กเก็ตบอลล์ แต่กระนั้น สวนสาธารณะในย่านคนรวยแห่งนี้ก็ได้เพียง A- เท่านั้น โดยปัจจัยที่ทำให้ถูกตัดคะแนนก็คือห้องน้ำเช่นกัน

“ความพลุกพล่านของผู้มาใช้บริการ ทำให้เราต้องทำความสะอาดห้องน้ำวันละหลายๆ ครั้ง แต่ปัญหาเรื่องงบประมาณที่ถูกตัดทุกปีตลอดสิบปีที่ผ่านมา ทำให้เราสามารถทำความสะอาดได้แค่วันละครั้งเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ” เจ้าหน้าที่ดูแลสวนสาธารณะเวสท์วูด กล่าวกับผู้สื่อข่าว.


แม่ใจยักษ์คลอดและฆ่าลูกในห้องน้ำแม็กโดนัลด์

ซาราห์ ล็อคเนอร์ วัย 25 ปี แคชเชียร์ของร้านฟาสต์ฟูด แม็กโดนัลด์ สาขาถนนเชสสท์นัท เมืองเรดวูด ในซาน มาเทล เคาน์ตี้ ทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย ถูกอัยการส่งฟ้องด้วยข้อหาพยายามฆ่า หลังจากที่เธอคลอดทารกเพศชายในห้องน้ำของร้านฟาสต์ฟู้ด จากนั้นพยายามกดทารกแรกคลอดลงชักโครก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา

ข่าวบอกว่าระหว่างทำงานกะกลางคืน ซาราห์ ล็อคเนอร์ บอกกับเพื่อนร่วมงานว่าเธอปวดท้องมาก และหายเข้าไปในห้องน้ำหลายครั้ง ครั้งละนานๆ และเมื่อเพื่อนเปิดประตูเข้าไปดู ก็พบกองเลือดมากมายไหลออกมาจากห้องน้ำ (stall)  แต่แม่ใจยักษ์แก้ตัวว่าเธอมีประจำเดือนแบบรุนแแรง และรับปากจะทำความสะอาดให้เรียบร้อย

เพื่อนร่วมงานคนที่สอง เข้าไปดูอีกครั้งหลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่ โดยชะโงกเข้าไปดูในห้องน้ำ จึงเห็นภาพอันน่าอนาถขณะที่ ซาราห์ ล็อคเนอร์ กดหลังทารกที่กำลังคว่ำหน้าในชักโครก พร้อมกับกดชักโครก และเมื่อทราบว่าความลับถูกเปิดเผย เธอก็ขอร้องเพื่อนว่าให้เก็บเป็นความลับ อย่าแจ้งตำรวจ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถพยาบาลมาถึงสถานที่เกิดเหตุ พบทารกน้อยในสภาพไม่หายใจและไม่มีชีพจร อยู่ในอ้อมแขนของแม่ใจยักษ์ จึงรีบทำ ซีพีอาร์ และนำส่งโรงพยาบาลเด็กในพาโลอัลโต้ ซึ่งข่าวบอกว่าขณะนี้ (13 กันยายน) ทารกพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ผลจากความกระทบกระเทือนที่สมองนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้

ข่าวบอกว่า นอกจากข้อหาพยายามฆ่าแล้ว ซาราห์ ล็อคเนอร์ ซึ่งให้การกับตำรวจว่าเธอไม่ทราบว่าตัวเองตั้งท้อง ยังถูกตั้งข้อหาอาญาร้ายแรงอีกสองกระทง คือข้อหาทารุณเด็ก และข้อหาทำร้ายร่างกาย ด้วย โดยขณะนี้เธอถูกคุมตัวด้วยเงินประกันสูงถึง 11 ล้านดอลลาร์ และมีกำหนดขึ้นศาลเพื่อรับฟังข้อกล่าวหาที่ศาลของ ซาน มาเทล เคาน์ตี ในวันที่ 18 กันยายนที่จะถึงนี้.