ข่าวคนไทยในอเมริกา
บทความหน้าสาม : ถามใจตัวเองอีกครั้ง หลังเวลาผ่านไปแล้วกว่าเดือน


“น้องมิน” ทิวาดี แสงสุริยฤทธิ์ และน้องกอล์ฟ ภคพล ชัยรัตนทรงพร







จากข่าวใหญ่ที่คนไทยทั้งในอเมริกาและประเทศไทยให้ความสนใจติดตามกันอย่างใกล้ชิดเมื่อกว่าเดือนที่ผ่านมา วันนี้ความสนใจของสื่อมวลชนต่อเหตุการณ์เศร้า ที่สองนักศึกษาไทยจากฟลอริด้าประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกเหวลึกกว่าหกร้อยฟุตลงสู่ คิงส์ ริเวอร์ ขณะขับรถอยู่บนฟรีเวย์ 180 ในวนอุทยานแห่งชาติ คิงส์ แคนย่อน เริ่มซาๆ ลงไป

จากข่าวหน้าหนึ่ง หรือประเด็นร้อนที่รายการข่าวของทุกสถานีในเมืองไทยให้ความสนใจ คงเหลือเพียงข่าวสารสั้นๆ ในหนังสือพิมพ์บางเล่ม หรือรายการข่าวบางรายการเท่านั้น

คำถามของผู้ที่ยังจับตาและให้ความสนใจกับการนำร่างของ “คนไทย” ขึ้นมาจากก้นเหว ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเฟรสโน่ เคาน์ตี ทอดระยะมานานจนเกินเหมาะสมนี้ เริ่มเปลี่ยนจาก “จะเอาขึ้นมาเมื่อไหร่” เป็น “จะเอาขึ้นมาหรือเปล่า”

เพราะเหตุผลของความล้าช้า ที่เจ้าหน้าที่ของเฟรสโน่เคาน์ตี ตอบแบบ “แผ่นเสียงตกร่อง” ตลอดเดือนที่ผ่านมาว่า “ต้องคำนึงถึงอันตรายของเจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นอันดับหนึ่ง” นั้น กลายเป็นคำตอบที่คนไทยส่วนใหญ่ รับรู้ได้ถึงความ “ไม่จริงใจ” ชัดเจนมากขึ้นทุกที

เชื่อว่ากระทั่งบรรดา “ฝ่ายค้าน” ที่ไม่เห็นด้วยกับความพยายามเร่งเร้ากดดันของสถานกงสุลใหญ่ฯ และกลุ่มคนไทยในแอลเอ ที่เคยแสดงตัวออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของเฟรสโน่ เคาน์ตี ให้ความสำคัญของ “คนไทย” สองคนที่ทอดร่างอยู่ก้นเหวในช่วงที่ผ่านมา... ก็น่าจะเริ่ม “รู้สึกรู้สา” และเห็นถึงความผิดปกติบ้างแล้ว... หากยังสนใจเรื่องนี้อยู่

เข้าใจได้ไม่ยากว่าพ่อแม่และญาติๆ ของ “น้องมิน” ทิวาดี แสงสุริยฤทธิ์ และน้องกอล์ฟ ภคพล ชัยรัตนทรงพร ที่กำลังรอรับร่างของลูกรักมาประกอบพิธีทางศาสนานั้น จะทุกข์ทรมาน และทุรนทุรายกับการรอคอยอันยาวนานนี้แค่ไหน

เฟซบุ๊กของสถานกงสุลใหญ่ฯ รายงานความคืบหน้าของเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม โดยบอกว่าสำนักงานเชอรีฟของเฟรสโน่ แจ้งมาว่ายังคงติดตามระดับความแรงของกระแสน้ำทุกวัน พบว่าความแรงเริ่มลดลงอย่างช้าๆ เชื่อว่าในช่วงระหว่าง 31 สิงหาคม ถึง 1 กันยายนนี้ กระแสน้ำจะลดลงเหลือ 400 ลูกบาศก์ฟุตต่อวินาที อันเป็นตัวเลขที่หน่วยกู้ภัยของสำนักงานเชอรีฟ บอกว่า “น่าจะ” ปลอดภัยในการลงมือทำงานเก็บกู้ร่างของคนไทยทั้งสองขึ้นมาจากก้นเหว

แต่จากการตรวจสอบกระแสน้ำเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พบว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นสูงกว่า 400 อีกครั้งในวันนั้น เพราะมีฝนตก ทำให้เราเชื่อว่าโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะลงมือทำงานภายใน “วัน-สองวัน” อย่างที่บอกเอาไว้มีน้อยเต็มที

วันเดียวกัน เดอะเฟรสโน่ บี หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเพียงเล่มเดียวที่ยังติดตามเรื่องนี้ ได้สอบถามถึง “แผนการกู้ร่างของสองคนไทย” ไปยังสำนักงานเชอรีฟของเฟรสโน่ และได้รับคำตอบจาก โทนี่ บอตตี้ โฆษกของสำนักงานเชอรีฟ แบบเดิมว่ายังต้องรอกระแสน้ำให้ลด และไหลช้าลงมากกว่านี้เสียก่อน จึงจะสามารถส่งเจ้าหน้าที่ลงไปยังซากรถได้ โดยหวังว่าจะสามารถลงมือทำงานได้ในเร็วๆ นี้

“เชอรีฟ มาร์กาเร็ท มิมส์ ตัดสินใจว่าจะต้องคำนึกถึงความปลอดภัยของบุคคลากรเป็นอันดับหนึ่ง โดยขอให้ครอบครัวใจเย็นๆ เข้าใจและเชื่อใจสำนักงานของเรา”

อย่างไรก็ตาม ข่าวของเฟรสโน่ บี ข่าวนี้ ทำให้เราได้ภาพ “วิธีการกู้ร่างและรถ” ที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา โดยโฆษกของสำนักงานเชอรีฟ บอกว่าได้พิจารณาถึงวิธีที่เหมาะสมในการนำร่างของสองคนไทยขึ้นมาหลายวิธี โดย “ความน่าจะเป็น” มีเพียงสองทาง หนึ่งคือการใช้เฮลิคอปเตอร์ ดึงรถขึ้นมาจากแม่น้ำ กับสองคือการใช้รถลาก (tow truck) ดึงรถเช่าของสองนักศึกษาขึ้นมาที่ริมตลิ่ง แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ทางสำนักงานก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ในการลงไปผูกหรือเกี่ยวซากรถอยู่ดี”

โดยโฆษกของสำนักงานเชอรีฟ บอกว่าการใช้เฮลิคอปเตอร์ อาจทำให้ซากรถแตกหัก หรือแยกชิ้นส่วนออกจากกัน ซึ่งอาจทำให้ร่างของสองนักศึกษาไทยหล่นหายไปกับกระแสน้ำได้

ดังนั้น การใช้รถลากดึงซากขึ้นมาที่ริมตลิ่ง ซึ่งปลอดภัยพอให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บร่างของน้องมินและน้องกอล์ฟขึ้นมาได้... น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมและเป็นไปได้ที่สุด

“ถ้าเราไม่สามารถเอาซากรถขึ้นมาได้ เราก็จะทิ้งมันเอาไว้ข้างล่างนั่นแหละ” โฆษกของสำนักงานเชอรีฟบอก “ร่างของทั้งสองคนคือเรื่องที่เราห่วงที่สุด”

เรายกหูโทรศัพท์ขอคุยกับกงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ถึงเรื่องนี้เมื่อบ่ายวันที่ 30 สิงหาคม... ท่านบอกว่าสงสารแม่และพี่ๆ ของ “น้องทั้งสองคน” มากที่สุด เพราะแม้จะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงทุกข์ทรมานกับการรอคอยอยู่ดี ซึ่งนั่นทำให้ท่านหวังว่าเจ้าหน้าที่ของเฟรสโน่ เคาน์ตี จะลงมือเก็บกู้ภายในเร็ววันนี้

“ตอนนี้ระดับน้ำก็ลงมาต่ำกว่า 400 ที่เขาบอกไว้แล้ว คงไม่มีอะไรอีก ผมชื่อว่าน่าจะเก็บกู้ได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งผมพยายามขอวันเขา จะลงมือวันไหน เพื่อจะได้ประสานกับญาติที่กลับไปแล้ว จะได้เดินทางกลับมาอีกตอนนั้น ตอนเก็บกู้”

ถามว่าหากมีการนำร่างของสองนักศึกษาไทยขึ้มาได้แล้ว จะมีขั้นตอนอย่างไรต่อไป ได้รับคำตอบว่า หน่วยชันสูตรของเฟรสโน่ เคาน์ตี จะลงมือชันสูตรศพ โดยจะใช้เวลาเพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนจะคืนร่างของคนไทยทั้งสองให้กับสถานกงสุลใหญ่ฯ ต่อไป

โดยการชันสูตรศพนั้น เจ้าหน้าที่หวังว่าจะสามารถให้ความกระจ่างกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ้าง

“เขาก็คงตรวจดูว่าเสียชีวิตเพราะอะไร มีอะไรในตัวไหม แต่ผมว่าคงไม่สามารถบอกถึงสาเหตุของอุบัติเหตุอะไรได้ นี่เป็นความเห็นผมนะ เพราะล่วงมาเดือนกว่าแล้ว สภาพร่างกายตอนนี้จะสามารถบอกอะไรได้หรือเปล่า” กงสุลใหญ่ฯ บอก

ช่วงที่ผ่านมา กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ทำงานอย่างหนักในการติดต่อประสานงาน รวมถึงทำทุกวิถีทางให้มีการนำร่างคนไทยสองคนขึ้นมาจากก้นเหวให้ได้ รวมถึงการติดต่อกับหน่วยงาน หรือบุคคล ที่คิดว่าจะสามารถช่วยเหลือได้ ซึ่งความพยายามของท่านดังกล่าว ทำให้ถูกคนบางกลุ่มมองว่ากำลัง “ก้าวก่าย” หรือ “กดดัน” การทำงานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น อันอาจจะมีผลให้เกิดความขุ่นเคือง และกลั่นแกล้งตามมา

“เราทำเต็มที่นะ เราทำหลายทาง ทั้งสถานกงสุลและชุมชน ผมเองก็ประสานงานทุกทาง คือตอนนั้นเรายังเข้าไม่ถึงเชอรีฟ คือพอติดต่อไป คนที่มารับ มาบรีฟครั้งแรกคือเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงของแคลิฟอร์เนีย เขาจัดทีมตำรวจมาเต็ม คุยกับหน่วยเก็บกู้ของเฟรสโน่ แต่ไม่เจอเชอรีฟ ไม่ได้เจอับซูเปอร์ไวเซอร์ของเฟรสโน่ เราก็เลยได้รับคำแนะนำว่าให้ติดต่อไปที่ เชอรีฟของแอลเอ เคาน์ตี คือคุณจิม แม็กโดนนัลด์ ซึ่งคุณจิมก็ดีมาก น่ารักมาก ช่วยติดต่อประสานงานให้จนเราได้คุยกับเชฟรีฟ มาร์กาเร็ท มิมส์ หลังจากนั้น คุณคิด ฉัตรประภาชัย ก็ช่วยประสานงาน ให้คุณมิเชลล์ สตีล ซูเปอร์ไวเซอร์ของออเรนจ์ เคาน์ตี ช่วยประสานงานกับซูเปอร์ไวเซอร์ของเฟรสโน่ให้  นี่แหละครับ หลายทาง นอกจากนี้ผมยังทำหนังสือไปอีกหลายทาง โทรศัพท์ด้วย ส.ส. นักการเมืองที่เรารู้จัก ผมติดต่อหมด”

ถามว่าแน่ใจไหมว่าที่ทำไปทั้งหมดอยู่ในกรอบ ไม่ได้ล่วงละเมิดอย่างที่ถูกบางกลุ่มโจมตี

“ผมคิดว่าเราพยายามเต็มที่ เป้าหมายของผม และของพวกเราและญาติๆ คือการนำตัวน้องขึ้นมาให้เร็วที่สุด ผมไม่ถือว่าเป็นการกดดันเขา ถือว่าช่วยประสานงานกันหลายๆ ทางเพื่อให้เขาช่วยกัน คุยกัน ช่วยกันผลักดัน คือเรามีเป้าหมายแค่นี้ ทำยังไงให้เอาร่างน้องสองคนขึ้นมาให้เร็วที่สุด”

เห็นได้ชัดว่ากงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ พยายามเลี่ยงตอบคำถามของเราในประเด็น “ความจริงใจ” ของเจ้าหน้าที่อเมริกัน จึงเลี่ยงไปขอความเห็นว่า หากเกิดเหตุการณ์น่าเศร้านี้เกิดขึ้นที่เมือง และผู้เคราะห์ร้ายเป็นนักท่องเที่ยวอเมริกัน เขาจะฟังไหมหากทิ้งศพ “คนของเขา” เอาไว้เป็นเดือน โดยอ้างเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เช่นนี้

“จากประสบการณ์นะ ผมอยู่เมืองไทยก็คุ้นเคยกับหน่วยงานเก็บกู้ของทหาร ตำรวจ ผมคิดว่าเราคงไม่รอ เราคงจะลงไปทันที อันนี้คือจากประสบการณ์ที่ผ่านมานะ เก็บได้ไม่ได้อีกเรื่อง แต่หน่วยทหาร ตำรวจเราต้องลงไปก่อนล่ะ ต้องพยายามกันเต็มที่... ถ้าเป็นในเมืองไทยเราจะทำแบบนั้น” กงสุลใหญ่ฯ กล่าวแบบระมัดระวัง

ส่วนกระแสโต้แย้งถึงบทบาทหน้าที่ของสถานกงสุลใหญ่ฯ และกลุ่มคนไทยที่ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องที่ของเฟรสโน่ เคาน์ตี รีบเร่งทำงานเก็บร่างของน้องมินและน้องกอล์ฟขึ้นมาจากก้นเหว แทนที่จะปล่อยไปแบบเลยตามเลยนั้น  กงสุลใหญ่ฯ บอกว่าเป็นเรื่องปกติของคนหมู่มาก

“ผมคิดว่าชุมชนไทยเรามีความเห็นตรงกัน คือเห็นอกเห็นใจญาติและครอบครัวที่สูญเสียน้องสองคนไป เรารู้สึกในเรื่องนี้กันมาก จะมีความเห็นแตกต่างกันบ้างในเรื่องของวิธีการ แต่วัตถุประสงค์มันตรงกัน คือทำอย่างไรให้ได้ร่างน้องขึ้นมาให้เร็วที่สุด แต่วิธีการ บางคนคิดว่าน่าจะต้องลงไปเลย ผมเองก็คิดว่าน่าจะลงไปเลย แต่เขาก็มีมาตรการของเขา พูดตรงๆ ว่าไม่ทันใจผม ผมก็เลยติดต่อหลายทาง ซึ่งบางคนก็ไม่เห็นด้วย...” กงสุลใหญ่ฯ กล่าว

ก่อนวางสายจบบทสัมภาษณ์ กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ กล่าวปิดท้ายด้วยประโยคที่ที่ฟังแล้ว “ใจหาย” และเข้าใจความรู้สึกของท่านชดเจน ท่านบอกว่า...

“ผมเสียใจนะ ที่กรณีนี้อยู่มาเป็นเดือน ส่วนตัวผม ผมคงบอกได้มั้ง ว่าส่วนตัวแล้ว... ผมเสียใจมาก  คิดว่าผมน่าจะดูแลคนไทยได้ดีกว่านี้...”

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
597
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข