กรณีนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ถูกศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับ หลังจากไม่มาฟังคำตัดสินคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว เมื่อเช้าวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น นอกจากจะกลายเป็นข่าวที่สื่อมวลชนไทยให้ความสนใจแล้ว สื่อนานาชาติก็ให้ความสนใจกับเรื่องราวของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยเช่นกัน โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม โดยอ้างแหล่งข่าวระดับสูงของพรรคเพื่อไทย ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปก่อนหน้านั้นถึงหนึ่งสัปดาห์ โดยเดินทางไปกัมพูชาก่อน จากนั้นจึงต่อไปยังสิงคโปร์ และดูไบ
รอยเตอร์ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับอดีตนายกรัฐมนตรีด้วยว่า อดีตนายกรัฐมนตรีตัดสินใจที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า ศาลฎีกาเตรียมจะตัดสินลงโทษเธอในสถานหนัก อีกทั้งจะไม่อนุญาตให้มีการประกันตัวด้วย โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีออกนอกประเทศพร้อมผู้ช่วยอีกสองคน แต่ไม่ได้พาบุตรชาย คือนายศุภเสกข์ อมรฉัตร วัย 15 ปี ไปด้วย
แต่แหล่งข่าวภายในพรรคเพื่อไทยบอกกับรอยเตอร์ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีออกจากประเทศไปเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม หรือก่อนวันนัดศาลเพียงหนึ่งวัน โดยหลบหนีหลังจากที่ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอร้องไม่ให้ผู้สนับสนุนเธอเดินทางมายังศาลฎีกา ในวันที่ 25 สิงหาคม
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี ก็ได้รายงานความคืบหน้าของเรื่องนี้เช่นกัน โดยอ้างแหล่งข่าวในคสช. ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจากไทยไปสิงคโปร์ และต่อไปที่นครดูไบ โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายเป็นผู้เตรียมแผนหลบหนีไว้นานแล้ว รวมถึงบอกว่าดูไบไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายสำหรับอดีตนายกฯ เพราะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องการทำเรื่องขอลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ
ด้านบีบีซีนิวส์ ได้รายงานบทวิเคราะห์กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยบทวิเคราะห์ของ โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบีบีซี บอกชัดเจนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมือง
โดยการหลบหนีไปยังดูไบของอดีตนายกฯ หญิงครั้งนี้ นักวิเคาะห์ของ บีบีซี มองว่า บุคคลระดับสูงของการเมืองไทยรู้เห็นเป็นใจ เพราะมองว่าการหลบหนีของยิ่งลักษณ์ น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการลดทอนกระแสความรุนแรงของผู้สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม อันเป็นเดือนที่กระแสต่อต้านรัฐบาลจะรุนแรงกว่าปกติ
“เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไปแล้ว กลุ่มสนับสนุนก็ไม่มีสัญลักษณ์ในการเดินขบวนต่อสู้อีก” นักวิเคราะห์ของบีบีซี ระบุ รวมถึงบอกว่าแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะยังคงกุมฐานเสียงส่วนใหญ่ของภาคเหนือและภาคอีสานของประเทศไทย แต่เหตุการณ์ที่เกิดก็จะลดทอนโอกาสของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคต ประกอบกับรัฐธรรมนูญใหม่ที่ลดอำนาจของพรรคการเมือง ซึ่งยากสำหรับพรรคเพื่อไทยในการเข้ามากุมเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาเหมือนสมัยก่อน
ส่วนบทสรุปของการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างสองฝ่าย คือฝ่ายทหารและกลุ่มอนุรักษนิยม กับกลุ่มที่สนับสนุนครอบครัวชินวัตร นั้น โจนาธาน เฮด บอกว่าโดยปกติการต่อสู้ทางการเมืองจะส่งผลได้ทั้งการทำลาย และการต่อรอง ซึ่งตนไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเรื่องราวล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้จะลงเอยแบบไหน.