รอง หน.ประชาธิปัตย์เผยนักธุรกิจบ่นอุบ กม.4 ชั่วโคตรตีความกว้าง ชี้ปฏิบัติยาก
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับหลักการในวาระแรก ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. …. หรือกฎหมาย 4 ชั่วโคตรว่า เรื่องนี้ได้ยินเสียงบ่นมาจากทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองเพราะรายละเอียดของร่างกฎหมายกว้างมาก ทั้งทางตรง ทางอ้อม ญาติพี่น้อง คู่สมรส คนสนิทโดนหมด จึงสงสัยว่าจะตีความกันอย่างไร เพราะแต่ละคนก็มีเพื่อนมากมาย ดังนั้นการเขียนกฎหมายที่มีขอบเขตครอบคลุมกว้างมากเช่นนี้จะส่งผลทำให้ปฏิบัติยาก คนที่มีความตั้งใจที่ดี น่าจะทำงานให้บ้านเมืองได้ ก็ต้องมาคิดว่าตัวเองจะติดร่างแหไปด้วยหรือไม่ และครอบครัวของเขาก็จะต้องคิดด้วย จนอาจจะกลัวไม่อยากเข้ามาทำงาน ในทางกลับกันคนที่ตั้งใจจะโกงก็คงไม่กลัวกฎหมายลักษณะแบบนี้เพราะเขาคงคิดไว้หมดแล้วว่าจะซอกแซกอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดได้
“ผมจึงขอเรียกร้องว่าควรเขียนกฎหมายให้มีความชัดเจนว่ามีกรณีใดบ้างที่จะเข้าข่ายที่ต้องถูกตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ซึ่งต้องไม่ปิดบังข้อมูลเพื่อให้มีการตรวจสอบได้ง่าย ไม่ใช่ไปเน้นเรื่องของความเชื่อมโยงไม่ว่าทางตรงทางอ้อม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการตีความในลักษณะตีขลุมหรือบางกรณีอาจจะกลั่นแกล้งกันได้ ถ้าไปดูหลักคิดในต่างประเทศเขาจะต้องมีมูลเหตุก่อน ถึงจะมีการตรวจสอบ และการตรวจสอบก็จะไปดูในเนื้อหาของหลักฐานที่เกี่ยวข้อง แม้กฎหมายไม่ได้เขียนว่าครอบคลุมถึงใครบ้าง แต่ถ้าหากมีหลักฐาน มีเส้นทางการเงินที่ชัดเจน มีเจตนา และมีพฤติกรรมเชื่อมโยง ก็จะมีความผิด ผมเห็นด้วยกับหลักการของการตรวจสอบบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องเกี่ยวข้องในหลักฐานเท่านั้นไม่ใช่เกี่ยวข้องเพราะกฎหมายที่เขียนว่าเป็นคนสนิท หรือครอบครัว” นายเกียรติกล่าว
เมื่อถามว่าการเขียนกฎหมายแบบนี้อาจจะเป็นความพยายามเพื่อที่จะป้องกันการทุจริตที่เคยเกิดขึ้นในกรณีโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ นายเกียรติกล่าวว่า สนช.คงพยายามจะป้องกัน แต่ถือเป็นความพยายามที่ไม่ถูกต้อง คดีจำนำข้าวไปถึงศาลได้เพราะดูที่หลักฐาน ไม่ได้ดูที่ความเชื่อมโยงหรือความเป็นเพื่อน แต่ถ้าเขียนกฎหมายว่าเชื่อมโยงไว้ก่อนแล้วต้องผิดแบบนี้คงไม่ช่วยอะไร
นำเสนอข่าวโดย : Kittisuda .,
แหล่งที่มาข่าวโดย : มติชน