ข่าวคนไทยในอเมริกา
รายงานหน้าหนึ่ง : เมื่อ เคเคเค ขอบคุณผู้นำสหรัฐฯ


โดนัลด์ ทรัมป์




เหตการณ์รุนแรงที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย




ไม่ได้เขียนถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาหลายสัปดาห์ เพราะพ่อแม่สอนว่า ‘มองอะไร อย่ามองเพียงด้านเดียว’...

เกือบเดือนที่ผ่านมา พยายามมองหาด้านดีของการที่อเมริกามีผู้นำชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” มาเขียนลงสยามทาวน์ฯ แต่ยอมรับว่าหาไม่เจอ โดยเฉพาะเมื่อมองจากจุดยืนของเราที่เป็น “อิมมิแกรนท์” เป็นคนผิวสีที่มาประกอบสัมมาอาชีพ เสียภาษีถูกต้อง และเป็นพลเมืองดีของประเทศนี้...

คงจะเลี่ยงไปเขียนถึงเรื่องราวอื่นๆ ต่อไป หากไม่เห็นปฏิกิริยาของประธานาธิบดีทรัมป์ ต่อเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นหลายสื่อเรียกว่าเป็น “นรกบนดิน” ที่เมืองเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม เสียก่อน

เหตุการณ์ “นรกบนดิน” ที่ว่าคือการปะทะกันของสองกลุ่ม คือกลุ่มขวาจัด ทั้งพวกชาตินิยม พวกนาซีใหม่ และเคเคเค ที่นัดรวมตัวกันในนาม ‘Unite the Right’ (รวมฝ่ายขวาเป็นหนึ่งเดียว) เพื่อต่อต้านการรื้ออนุสาวรีย์ของ “นายพลโรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด ลี” ผู้นำฝ่ายสหพันธรัฐในยุคสงครามกลางเมือง ออกจากสวนสาธารณะอิแมนซิเปชัน จึงเกิดการเผชิญหน้ากับกลุ่มเสรีนิยมและกลุ่มหัวก้าวหน้า ที่รวมกลุ่มกันมาต่อต้าน โดยเหตุการณ์รุนแรง ทั้งชกต่อย ขว้างปา ทุบตี และฉีดสเปรย์พริกไทยใส่กัน ถูกเผยแพร่ผ่านจอทีวีไปให้ผู้คนทั่วโลกเห็นความเป็นไปของ “อเมริกา” ยุคทรัมป์อย่างชัดเจน...

รวมถึงช่วงที่เด็กหนุ่มที่ยึด “ฮิทเลอร์” เป็นไอดอล ได้ขับรถพุ่งเข้าชนฝูงชนฝั่งตรงข้าม จนมีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนและบาดเจ็บอีกมากมายด้วย

เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากทุกกลุ่มการเมือง รวมถึงพลพรรครีพับลิกันของเขาเองด้วย เพราะนอกจากจะใช้เวลานานมาก ก่อนจะออกมาแถลงตอบโต้เหตุนองเลือดดังกล่าว แถมยังกล่าวตำหนิความรุนแรงและความเกลียดชัง “จากหลายๆ ฝ่าย” แทนที่จะประณามกลุ่มไวท์ซูพรีเมซิสต์ ซึ่งเป็นต้นตอของเหตุรุนแรงครั้งนี้
      
ทนฟังเสียงด่าอยู่สองวัน ทรัมป์ก็ออกมายืนแถลงข่าวที่หน้าทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม ด้วยท่าทีที่ผิดไปจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เราเคยเห็นชนิดคนละคน

เพราะครั้งนี้ เขายืนอ่านแถลงการณ์ประณาม หรือ condemnation ที่มีคนเขียนให้จากมอนิเตอร์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไร้อารมณ์ ไม่มีท่าทางและความเห็นหวือหวาบ้าบอแบบที่เราคุ้นชิน

“ลัทธิเหยียดผิวเป็นสิ่งชั่วร้าย และใครก็ตามที่ก่อความรุนแรงเพื่อมันก็จัดเป็นอาชญากรและอันธพาล รวมถึงพวกเคเคเค, นีโอนาซี, ไวท์ซูพรีเมซิสต์ และกลุ่มสร้างความเกลียดชังอื่นๆ ที่เป็นปฏิปักษ์กับค่านิยมอเมริกัน... เราขอประณามการแสดงความเกลียดชัง ความดันทุรัง และความรุนแรงครั้งนี้ด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด”

รวมถึงท่อนที่เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจอ่านอย่างมาก ที่ว่า “เราจะต้องรักกัน แสดงความปรารถนาดีต่อกัน และรวมตัวกันเพื่อประณามความเกลียดชัง การไม่ยอมรับผู้อื่นและเหตุการณ์รุนแรง”

นักวิเคราะห์ของแอลเอไทมส์ บอกว่าคงเป็นท่อนที่ ทรัมป์ ฝืนใจอ่านที่สุด เพราะอย่าลืมว่าเขาคนนี้คือผู้ที่พยายามกีดกันมุสลิมไม่ให้เข้าประเทศ เรียกแม็กซิกันว่า “นักข่มขืน” ประกาศไม่ยอมให้คนข้ามเพศเป็นทหาร สนับสนุนให้ผู้รักษากฎหมายใช้วิธีการรุนแรงในการจับกุมผู้ต้องสงสัย รวมถึงเรียกผู้สื่อข่าว (ต่อหน้ากลุ่มผู้สนับสนุน) ว่าเป็นเศษสวะ (asolute scum)  ฯลฯ

ยังมีความเห็นต่อท่าทีของทรัมป์ในทำนองนี้อีกเยอะมากจากสื่อแทบทุกสำนัก โดยส่วนใหญ่สรุปเหมือนกันว่าทรัมป์คงฝืนใจเป็นที่สุด ด้วยว่ากลุ่มพลังขาวคือฐานเสียง ที่เคลื่อนไหวสนับสนุนเขาจนก้าวพ้นจากการเป็น “ตัวตลก” ประจำสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และกลายเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศได้ชนิดพลิกโผ

แต่ที่ “เห็นภาพ” ที่สุดคือความเห็นผ่านทวิทเตอร์ของ ไบรอัน เครนตัน ดาราที่ดังเปรี้ยงจากซีรีย์ Breaking Bad เมื่องสองสามปีก่อน เขาบอกว่าท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น เหมือน “ตัวประกันที่ถูกบังคับให้อ่านแถลงการณ์โดยคนที่จับกุมเขาไว้”

เพียงแต่วันเดียว ทรัมป์ก็ทนอึดอัดกับบทบาทของนักเสรีนิยมตามที่ทีมงานบังคับให้เป็นไม่ไหว ออกมาพูด “แบบที่ตัวเองคิด” ที่นิวยอร์ค โดยไม่มีสคริปเหมือนก่อนหน้านั้น

เริ่มต้นโดยการเล่นงานสื่อมวลชนก่อนตามธรรมเนียม ฐาน “ไร้ความสามารถ” ในการรับรู้และเข้าใจว่าถ้อยแถลงของเขาก่อนหน้านั้นเป็นฉบับสุภาพ ก่อนจะ “กลับคำ” แถลงการณ์ฉบับแรกทั้งหมด โดยฟันธงแบบเสียงดังฟังชัดว่า กลุ่มขวาจัด Alt-right ไม่สมควรถูกประณามแต่เพียงฝ่ายเดียว

“เรื่องนี้มันมีสองด้าน... ฝ่ายหนึ่งเป็นคนไม่ดี แต่อีกฝ่ายก็ใช้ความรุนแรงมากเหมือนกัน ถึงไม่มีใครอยากพูด แต่ผมจะพูดในวันนี้” ทรัมป์บอกเสียงดัง พร้อมกับถามสื่อด้วยว่า “แล้วพวกซ้ายจัดที่ทำร้ายพวกขวาจัดล่ะ พวกเขามีความสำนึกผิดบ้างไหม เหรียญมันก็ต้องมีสองด้านนะ”

เล่นเอาคนที่มีหัวใจเป็นธรรมทั้งโลกถึงกับยกมือทาบอก... “อุต๊ะ นี่ความคิดของผู้นำประเทศเหรอเนี่ย”

แต่คนที่ “แฮปปี้” ที่สุดกับความคิดของผู้นำสูงสุดของอเมริกาคงหนีไม่พ้นสมาชิกกลุ่ม Alt-right ที่อยู่ๆ ก็หลุดพ้นการเป็นจำเลยของสังคมแบบง่ายๆ

ขนาด เดวิด ดุ๊ก อดีตผู้นำกลุ่ม เคเคเค ออกมาส่งข้อความผ่านทวิทเตอร์ ขอบคุณประธานาธิบดีในดวงใจของเขา สำหรับคำพูดแบบจริงใจ และความกล้าในการพูดความจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์

เช่นเดียวกับ ริชาร์ด สเปนเซอร์ ที่ขึ้นมารับหน้าที่ผู้นำกลุ่มขวาจัดแทน เดวิด ดุ๊ก ฉวยจังหวะ “รับมุข” ของประธานาธิบดีในฝันของเขา โดยการแถลงว่ากลุ่ม Alt-right ที่เขาเป็นออกาไนเซอร์นั้น ไม่นิยมความรุนแรง เป็นกลุ่มพลังขาว หรือ white supremacy ก็จริง แต่เป็นเวอร์ชัน hipster...

ริชาร์ด สเปนเซอร์ ซึ่งตัดผมทรงเดียวกับฮิตเลอร์ในวัยหนุ่มคนนี้ ตีหน้าซื่อหน้าใสบอกกับนักข่าวว่าเขาขอประณามการใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์ที่ชาร์ล็อตส์วิลล์... บอกว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์...

ต้องบอกนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ได้ตามข่าวนี้มาแต่ต้นว่า ริชาร์ด สเปนเซอร์ คนนี้แหละ คือเป็นแกนนำในการเรียกกลุ่มนิยมขวาจัดให้ออกมา “ถือคบเพลิง” เดินขบวนประท้วงแสดงพลังของกลุ่มพลังขาวมาหลายครั้ง รวมถึงการชุมนุมในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เมื่อวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคมด้วย

ถือเป็นการชุมนุมที่ “อุบาทว์” มาก เพราะมันคือการจำลองเหตุการณ์อัปยศของอเมริกายุคเถื่อน ที่กลุ่มเคเคเค (Ku Klux Klan) ถือคบไฟออกข่มขู่คนผิวดำไม่ให้เงยหน้า เบาหน่อยก็แค่จุดไฟเผาไม้กางเขนข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกาย หนักก็ถึงขึ้นยิงทิ้งหรือจับแขวนคอ...

เป็นการยั่วยุที่รุนแรงแบบที่หาคำบรรยายไม่เจอ

แต่ ริชาร์ด สเปนเซอร์ กลับพูดกับสื่อว่าเป็นการชุมนุมถือคบไฟคือการชุมนุมที่ “งดงาม” และปฏิเสธว่าไม่ได้จำลองพฤติกรรมของ เคเคเค มาแต่อย่างใด

“เคเคเค ผูกขาดการใช้คบไฟอยู่คนเดียวหรือไง... มันไม่ใช่กรณีนี้ คนเป็นล้านยังใช้คบไฟเป็นสัญลักษณ์ในการขับไล่บรรยากาศลี้ลับ นี่ไม่ใช่เรื่องของทางใต้ ไม่ใช่เรื่องของ เคเคเค”

ใครเชื่อมันก็บ้าล่ะ...

โดยหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ (ถูกบังคับให้) อ่านแถลงการณ์ประนามกลุ่มขวาจุดทุกสปีชีส์ เมื่อวันจันทร์ท่ 14 สิงหาคมใหม่ๆ นักข่าวก็ยื่นไมค์ถาม ริชาร์ด สเปนเซอร์ ว่ายังคิดว่า ทรัมป์เป็น “พันธมิตร” อยู่หรือเปล่า...

มัน เอ้ย! เขาตอบแบบร่าเริงว่า “แน่น๊อน”

“กลุ่ม alt-right มาไกลมากในระยะสองปีที่ผ่าน ในแง่ของการยอมรับจากสาธารณะชน” ริชาร์ด สเปนเซอร์ บอก พร้อมกับถามเอง-ตอบเองด้วยว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ คือสาเหตุหลักของเรื่องนี้หรือเปล่านะหรือ แน่นอน... พวกเรากับโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อมต่อกันในระดับสัมผัสได้เลยทีเดียวแหละ”

“ถึงจุดหนึ่ง กลุ่มของเราจะต้องได้รับการยอมรับ และโดนัลด์ ทรัมป์ คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้” มัน เอ้ย! เขาพูดเต็มปากเต็มคำ

แม้จะเป็นคำพูดอวดโอ้ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า ณ ปัจจุบันนี้ บรรยากาศของความเป็น “อเมริกา” เปลี่ยนไปอย่างมากจากหลักการ “สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค” ที่เราเห็นและคุ้นชินกันมานาน

ถึงจะไม่เชื่อว่าลัทธิเหยียดผิวจะได้รับการยอมรับจากคนอเมริกันส่วนใหญ่จนย้อนกลับไปสู่ยุคเถื่อนอีกหน แต่ก็มีทีท่าว่ากระแสเหยีดผิวชังพรรณจะทวีความรุนแรงได้อีกหลายระดับ หากอเมริกายังคงมีผู้นำขวาจัดแบบ โดนัลด์ ทรัมป์ คนนี้...

…..

ล้อมกรอบท้ายเรื่อง

ลำดับเหตุการณ์ “นรกบนดิน” ที่เวอร์จิเนีย
โดย : The MATTER

ภาพของคนผิวขาวนับร้อยออกมาเดินขบวนกลางดึก ในมือถือคบไฟแบบโบราณ พร้อมกับตะโกนด่าผู้คนทุกกลุ่มสีผิวหน้าตาไม่เหมือนตัวเอง ว่า “แกต้องไม่มาแทนที่พวกเรา” (You’ll not replace us) เหตุการณ์เช่นนี้ดูเหมือนฉากในหนังสยองขวัญ...

แต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย

ไม่ใช่เพียงแค่ทัศนคติอันแสนน่ากลัว แต่เรื่องราวยังบานปลายกลายเป็นความรุนแรง ถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องประกาศ ‘สถานการณ์ฉุกเฉิน’ กันเลยทีเดียว

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางดึกของคืนวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม... กลุ่มคนผิวขาวนับร้อยคนเริ่มเดินขบวนกันในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ เพื่อเรียกร้องสิทธิของคนผิวขาว ระหว่างที่เดินขบวนก็ได้ตะโกนสโลแกนของกลุ่มชาตินิยมขวาจัดกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคำที่หลายคนฟังแล้วตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินในสังคมอเมริกันอีกแล้ว เช่น

“You’ll not replace us” (คำขวัญกลุ่ม White Supremacists)

”White life matters” (คำขวัญของกลุ่ม Ku Klux Klan)

“Blood and Soil (คำขวัญของกลุ่มนาซี)

“One people, one country, end immigration” (ต่อต้านคนชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกัน)

ทั้งหมดนี้ต้องการสื่อสารว่า ประเทศสหรัฐฯ ควรเป็นของคนผิวขาวเท่านั้น คนผิวสีหรือผ​ู้อพยพไม่ควรมีสิทธิในแผ่นดินเช่นเดียวกับชาวอเมริกัน!

ขบวนของกลุ่มขวาจัดได้เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย และได้เข้าไปปิดล้อมกลุ่มที่คัดค้านแนวคิดเหยียดเชื้อชาติที่หน้าอนุสาวรีย์ของอดีตประธานาธิบดี โทมัส เจฟเฟอร์สัน มีการโต้เถียงอย่างรุนแรงจนเกิดความรุนแรงระหว่างกัน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นแค่ ‘บทนำ’ ของสถานการณ์อันสุดตึงเครียดเท่านั้น

วันต่อมา 12 สิงหาคม กลุ่มขวาจัดมีนัดรวมตัวกันครั้งใหญ่ในงาน ‘Unite the Right’ (รวมฝ่ายขวาเป็นหนึ่งเดียว) โดยมีเป้าหมายที่จะเดินทางไปเรียกร้องให้เมืองยุติการโค่นล้มอนุสาวรีย์ของ ‘นายพลลี’ ที่สนับสนุนการค้าทาสในสมัยสงครามกลางเมือง ขณะเดียวกัน กลุ่มที่คัดค้านฝ่ายขวาจัดก็มีการรวมตัวเช่นกัน โดยมีรายงานว่า มีทั้งคนที่เรียกตัวเองเป็นฝั่งลิเบอรัล รวมถึงตัวแทนคนผิวสี ผู้อพยพ รวมถึงกลุ่มหลากหลายทางเพศที่เข้าร่วมด้วย

สถานการณ์เลยกลายเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ รวมคนขวาจัด (คนขาวสุดโต่ง ชาตินิยม นาซี และ KKK) และกลุ่มคัดค้าน (ลิเบอรัล ผิวสี ชาติพันธุ์ LGBTQ) เจ้าหน้าที่ของทางการเห็นท่าไม่ดีเพราะคิดว่าต้องเดือดใส่กันแน่ๆ จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (State of emergency) เพื่อไม่ให้บานปลาย...

แต่ก็ควบคุมไม่ไหว

เกิดการเดินหน้าใช้ความรุนแรงเข้าใส่กันอย่างดุเดือดเป็นชั่วโมงๆ พื้นที่ในเมืองกลายสภาพเป็นสนามรบ ไม่เพียงแค่ชกต่อยกันแบบแลกหมัด ยังรวมไปถึงเอาธงมาทิ่มแทงกัน ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่กัน เอาโล่ห์ (ที่ไม่รู้หามาจากไหน) มาปาใส่กัน ของใช้ใกล้ตัวถูกแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธที่พร้อมทำร้ายฝั่งตรงข้าม มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ต้องใช้แก๊สน้ำตาเข้าสกัดด้วย และจับกุมผู้ก่อเหตุได้หลายคน

เหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดได้เกิดขึ้นเมื่อ เจมส์ ฟิลด์ เด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่ครูประวัติศาสตร์ของเขาออกมาพูดภายหลังว่าคลั่ง “อดอล์ฟ ฮิทเลอร์” ขนาดหนัก ได้ขับรถพุ่งเข้าใส่กลุ่มคัดค้านอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหนักหลายราย รวมถึงมีผู้เสียชีวิต 1 คนคือ เฮเตอร์ เฮเยอร์ หญิงสาววัย 32 ปี

 เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ ภาพความรุนแรงเช่นนี้ถือเป็นเหตุการณ์ในประเทศที่หนักหนามากที่สุด นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่ง

ทรัมป์ออกมาเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่มีข้อสังเกตว่า ข้อความของทรัมป์หลีกเลี่ยงที่จะเมนชั่นถึงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่พูดในภาพรวมๆ แทนว่าการกระทำที่สื่อถึงความเกลียดชังเช่นนี้ควรยุติลงทันที

ด้านผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ได้ออกมาประณามกลุ่มชาตินิยมขวาจัดที่ออกมาสร้างความวุ่นวาย พร้อมไล่ให้คนกลุ่มนี้กลับบ้านไปซะ “น่าละอาย พวกคุณอ้างว่ารักชาติบ้านเมือง แต่คุณไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ถ้าจะพูดถึงความรักชาติ ก็พูดถึงโทมัส เจฟเฟอร์สัน และจอร์จ วอชิงตัน ที่เคยรวมคนทั้งเข้าไว้ด้วยกัน...สิ่งที่ผมกำลังจะพูดนี้ชัดเจนมากว่า พวกเราแข็งแกร่งกว่าพวกคุณ”

คำถามคือสาเหตุของความรุนแรงครั้งนี้คืออะไร เพราะนี่ไม่ใช่ภาพที่เห็นได้ง่ายๆ ในสหรัฐฯ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมายาวนาน

หลายคนมองว่า ชนวนของความรุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากมติของสภาเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ ที่เตรียมจะโค่นอนุสาวรีย์ของ ‘นายพลลี’ ผู้เคยเป็นฝ่ายสนับสนุนการค้าขายทาสในยุคสงครามกลางเมือง จึงทำให้คนกลุ่มขวาจัดเกิดความโกรธแค้น และต้องการระบายออกมา (แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีผู้วิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะคิดเห็นต่างอย่างไร ก็ไม่มีสิทธิที่จะใช้ความรุนแรงใส่กันอยู่ดี)

ปฏิเสธได้ยาก หากจะมีใครมองว่าความรุนแรงครั้งนี้ คือภาพสะท้อนของสังคมอเมริกันยุคปัจจุบัน ที่ยังคงมีความขัดแย้งร้าวลึก และแนวคิดชาตินิยมแบบสุดโต่ง กลุ่ม KKK ตลอดจนการเหยียดสีผิวไม่เคยหมดไปจากสังคม เพียงแต่ความคิดเหล่านี้ถูกปัดซ่อนไว้อยู่ที่ใต้พรมเท่านั้น

เมื่อกระแสขวาจัดได้หวนกลับมา พร้อมๆ กับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ จึงเป็นการเปิดทางให้คนกลุ่มที่มีแนวคิดแบบนี้พร้อมใจออกมาแสดงตัวอีกครั้ง.

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
19-04-2024 เอาให้ชัด! ฟาสต์ฟู้ดแคลิฟอร์เนียแพงขึ้นเท่าไหร่ หลังปรับค่าแรง 20 เหรียญ (0/40)   
17-04-2024 รายได้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่แบบ “สบายๆ” ในแคลิฟอร์เนีย (0/230) 
16-04-2024 ภูมิใจ! แอลเอครองแชมป์ “ยุงชุม” สุดในประเทศ (0/113) 
15-04-2024 “โคชเดี่ยว” สร้างสถิติใหม่ บอสตัน มาราธอน (0/88) 
15-04-2024 ด่วน! เข้าอเมริกา อาจไม่ต้องผ่านด่านตรวจที่สนามบินแล้ว (0/99) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




  • ¤ÇÒÁ¤Ô´àËç¹·Õè : 1

An additional valuable swimming pool home improvement is the.
cermica nero bulgari collana imitazione http://www.sellingjewelry.ru/it/bulgari-bzero1-necklace-c3.html

  • ¼ÙéÊè§: cermica nero bulgari collana imitazione
  • 219.136.94.250 Dec 17, 2017 @03:08 PM
ฉบับที่
597
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข