นี่คือช่วงหนึ่งของบทสนทนากับกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส นายธานี แสงรัตน์ ถึงกรณีความล้าช้าของการเก็บกู้ซากรถยนต์ ที่มีร่างของสองนักศึกษาไทย คือ นายภคพล ชัยรัตน์ทรงพร หรือกอล์ฟ และนางสาวทิวาดี แสงสุริยฤทธิ์ หรือมิน อยู่ข้างใน ขึ้นมาจากก้นเหวริมฟรีเวย์ 15 ในเฟรสโน่ เคาน์ตี
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ บอกว่าต้องพยายามผลักดันกันเต็มที่ จนบางครั้งก็คิดว่าตนเอง “พูดแรงเกินไป” หรือกำลัง “ทำเกินหน้าที่” ด้วยซ้ำ...
“เราก็มีเส้นแบ่งนะครับสำหรับการเป็นสถานกงสุล เป็นผู้แทนของประเทศ เราต้องทำงานกับหน่วยงานของประเทศเจ้าบ้านอีกเยอะแยะมากมาย บางครั้งผมยอมรับว่าพูดแรงไป... พูดกับเจ้าหน้าที่ของเขาในที่ประชุม เพราะตอนนั้นรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”
ถามว่า “พูดแรง” ในที่นี้คือพูดว่าอะไร
“ผมบอกว่าผมยอมรับไม่ได้ จากการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรงนั้น ก็บอกเขาในที่ประชุม ตอนที่เขามาบรรยายสรุปให้ครอบครัวฟัง ผมยกตัวอย่างให้เขาฟังว่าถ้าเป็นที่เมืองไทยนี่ ถ้ามีนักท่องเที่ยวตกลงไปแบบนี้ ผมเชื่อว่าหน่วยกู้ภัยของเรา ทหาร-ตำรวจคงลงไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วผมก็เตือนเขาว่า เกรงว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นประเด็นระหว่างประเทศต่อไป ก็พูดกับเขาไป”
ถามว่ามีทางลามเป็นประเด็นระหว่างประเทศไหม
“ผมไม่อยากให้เป็นนะครับ หวังว่าคงไม่เป็น หวังว่าวันสองวันนี้คงเก็บกู้ได้ ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะไทยกับสหรัฐฯ เป็นเพื่อนกันมายาวนาน และจากท่าทีของเราตอนนี้ ผมเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาก็คงเห็น และทำอย่างเต็มที่”
ก่อนที่จะมีการ “พูดแรง” หรือ “ทำเกินหน้า” อย่างที่กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ บอกนั้น บทบาทของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส ดำเนินไปตามขั้นตอนระเบียบแบบแผนทุกอย่าง
“คือผมค่อนข้างคุ้นเคยกับระบบของเขาที่นี่นะครับ ผมก็จะไม่ไปติดต่อภายนอกหน่วยงานที่เขาไม่เกี่ยวข้อง ไม่ไปคุยกับนักการเมืองหรือใครต่างๆ ที่เขาไม่เกี่ยวข้อง แค่ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เขามีหน้าที่โดยตรง ผมทราบสายการบังคับบัญชาของเขา คือ CHP (ตำรวจทางหลวง) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบพื้นที่ เฟรสโน่ เคาน์ตี กับเชอรีฟออฟฟิศ ดูแลเรื่องการเก็บกู้ ตำรวจเมืองรีดเลย์ ดูแลเรื่องคดี เราทราบ เราตามครบหมดทุกที่...
เริ่มจากวันแรกที่ผมขึ้นไป เมื่อวันพุธก่อน (2 สิงหาคม) ก่อนที่ครอบครัวจะมาถึง ผมขึ้นไป เขาก็บรรยายสรุปอย่างครบถ้วน ผมฟังดูก็ เออ! เป็นมืออาชีพดี ดูมีความพร้อมที่จะทำ แต่เรื่องของระดับน้ำเรื่องของอากาศ ซึ่งตอนนั้นฟังดูก็มีเหตุผล...
“วันนั้นเขาบอกว่าวันศุกร์ (4 สิงหาคม) จะไปเก็บกู้ ศุกร์เช้าผมไปรับครอบครัวของเด็กสองคน แล้วพาขึ้นไปเลย คิดว่าจะเก็บกู้ ปรากฎว่าเขาเลื่อน บอกว่าระดับน้ำยังสูงอยู่ นั่นครั้งที่หนึ่งนะ บอกว่าวันจันทร์ น่าจะเก็บกู้... ในวันที่พาครอบครัวขึ้นไป ก็ได้รับฟังการ briefing ครั้งที่สอง เขาบรรยายให้ครอบครัวฟังด้วย ตรงนั้นเป็นวันที่ผมรับไม่ได้แล้ว มันไม่ใช่เฉพาะการเลื่อนมาสองครั้งนะครับ แต่ว่ามันตั้งแต่วันแรกเลยที่ผมไม่เข้าใจ เขาไม่ส่งใครลงไปไป เขาใช้ตะโกน แล้วคนที่อยู่ข้างล่างเขาจะตอบมาได้ไง หน้าผาลึกมาก”
กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ บอกว่าตำรวจทางหลวง หรือ CHP ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถตกเหวในช่วง 5-6 โมงเย็นของวันเกิดเหตุ (26 กรกฎาคม) และเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุในเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม
“แต่เขาไม่ได้ลงไปกู้ภัย เพราะมืดและน้ำแรงมาก ก็ใช้วิธีตะโกนเรียก นี่คือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ คือจะว่าเขาไม่ respond ก็ไม่ได้ เขา respond เร็วด้วย แต่ใช้วิธีตะโกนลงไป คือผมเข้าใจว่าอัตราการรอดชีวิตคงเป็นไปได้ยาก อันนี้เข้าใจ แต่ว่าเขาก็ควรส่งใครปีนลงไปให้ใกล้ๆ หน่อยไหม นี่ก็เป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนะครับ”
จากที่เคยคิดว่าไม่ควรก้าวก่ายการทำงานของหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง เปลี่ยนมาเป็นการทำทุกวิถีทางในการกดดันให้มีการเก็บกู้ร่างของนักศึกษาไทยทั้งสองขึ้นมาจากก้นเหวให้เร็วที่สุด
“เพราะข้ออ้างที่ตอนแรกฟังดูว่าเป็นวิชาการ นานไป ฟังไม่ขึ้นแล้ว วันที่ 15 แล้ว ครอบครัวเขานับเวลากันเป็นชั่วโมง” กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ กล่าว และว่าตนได้ติดต่อไปยังนักการเมืองที่คุ้นเคย ทั้งระดับคองเกรสแมน และระดับแอสซิมบลี (รัฐสภาของรัฐแคลิฟอร์เนีย) รวมถึงหัวหน้าตำรวจแอลเอพีดี หัวหน้าเชอรีฟ
“ตอนหลังนี่ผมยิงหมด นึกอะไรออก นึกถึงใครได้ รู้จักใคร ผมหาหมด ให้เขาช่วย ติดต่อกับทุกทางเท่าที่ทำได้นะครับ ทางสถานกงสุลฯ ได้ติดต่อผ่านไปทางสำนักงานของนายกเทศมนตรี อีริค การ์เซ็ตติ นะครับ ให้เขาช่วยพูดให้เรา ติดต่อไปที่เคาน์ตี วันนี้เรามาพบคุณมิเชลล์ สตีล ซูเปอร์ไวเซอร์ของออเรนจ์ เคาน์ตี้ โดยคุณคิด (ฉัตรประภาชัย) ช่วยประสานให้ ทางคุณมิเชลล์ ก็ติดต่อไปยังซูเปอร์ไวเซอร์ของเฟรสโน่ เคาน์ตี ให้ทันที เห็นว่าเขากำลังคุยกับทางทหาร เพราะว่าเฮลิคอปเตอร์เขาเล็ก คือต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก เราก็เพิ่งทราบวันนี้ ทางเฟรสโน่ เคาน์ตี ไม่มีเฮลิคอปเตอร์เล็กขนาดที่จะลงไปได้ เพราะหุบเขามันแคบ อันนี้เขาก็ไม่เคยบอกเราเลยตั้งแต่แรก เพิ่งจะทราบ ตอนนี้เขาก็คุยกับทหารอยู่ ตอนนี้กำลังทำแผนขึ้นมา แล้วจะบอกมาอีกที”
ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดที่ได้ทราบ นั่นคือมีการประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานทหาร ซึ่งมีวัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยีและบุคลากรที่ครบครันกว่า ทำให้กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ มีความหวังว่าการเก็บกู้ซากรถและร่างของสองนักศึกษาไทยคงมีขึ้นภายในเร็ววันนี้
กับเหตุการณ์ล่าสุด ที่ชุมชนไทยในแคลิฟอร์เนียใต้ ประกาศรวมตัวกันในวันที่ 14 สิงหาคมเพื่อยื่นหนังสือเปิดผนึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรีบทำการเก็บกู้ซากรถและร่างของสองนักศึกษาไทยให้เร็วที่สุดนั้น กงสุลใหญ่ฯ แสดงความเห็นว่า “รับรู้” แต่โดยตำแหน่งหน้าที่แล้ว ท่านไม่สามารถบอกให้ชัดเจนได้ว่าท่านสนับสนุนหรือไม่... เพียงแต่กล่าวว่า
“ผมเป็นคนอย่างนี้นะ คือถ้าไปตรงๆ ไม่ได้ก็ต้องเลี้ยวอ้อมไป ไปให้ถึง เอาจุดหมายเป็นหลัก จุดหมายคือการดูแลคนไทยนะ คนไทยเดือดร้อนขนาดนี้ ต้องช่วยให้ได้ ก็แค่นี้”
ถามถึงประเด็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ว่าเจ้าหน้าที่ได้พูดถึงบ้างหรือไม่ คำตอบคือ...
“ตรงนี้ไม่ทราบเลย คาดเดาไม่ได้ ผมไปตรงนั้นสองหนแล้วนะครับ ไม่มีรอยเบรก มีรอยนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งตำรวจเขาไม่แน่ใจว่าใช่รอยเบรกของรถคันนี้ไหม สาเหตุไม่ชัดครับ แต่เป็นการขับรถแหกโค้งด้วยความเร็วสูง เพราะว่าเสาสองต้นขาดเลย เสาที่อยู่หลัง guardrail (แผงเหล็กกั้นขอบถนน) เพราะชนอย่างแรง และก็กระแทกสองครั้งก่อนจะลงไปถึงข้างล่าง คือชนก้อนหินใหญ่อย่างแรง แล้วก็กระดอนขึ้นแล้วตกอีกทีตรงหน้าผา”
กงสุลใหญ่ฯ บอกด้วยว่าสาเหตุที่ทำให้รถสามารถพุ่งผ่านแผงกัน ซึ่งเป็นเหล็กหนาและตกลงไปในเหวลึกได้ เพราะจุดปะทะเป็นบริเวณหัวแผงกั้นพอดี
“ถ้าไม่ชนตรงหัวนี่ น่าจะอยู่ น่าจะแฉลบไปตามที่กั้น ไม่ตกลงไป แต่นี่ชนตรงหัว guardrail พอดี แผง guardrail พับม้วนเลย กันชนรถก็ตกอยู่ตรงนั้น” กงสุลใหญ่ฯ บรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุ
ก่อนจบบทสัมภาษณ์ กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ได้บอกเล่าถึงบทบาทอีกประการหนึ่งของสถานกงสุลใหญ่ฯ ต่อเหตุการณ์เศร้าที่เกิดขึ้น
“เบื้องหลังคือเราดูแลครอบครัวของเด็กทั้งสองคนมาตลอด ดูแลทุกอย่าง ไปรับไปส่ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว เรื่องที่กินที่อยู่ ขณะเดียวกันเราก็ช่วยให้คำแนะนำ ช่วยกรองเวลาคุยกับสื่อด้วย ดูแลจิตใจด้วย พาไปวัด ไปทำบุญ พาไปซื้อของ คืออย่าให้เขากังวลมากนัก เพราะเวลามันเยอะ ไม่อยากให้ครอบครัวเขาอยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะเครียด” กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ กล่าวในที่สุด...