แอนโทนี ลีออน ฮอลเล่ย์ วัย 41 ปี ผู้ต้องหารายที่สองในคดีขับรถแข่งบนถนนในเมืองฮอว์ธอร์น เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2016 เป็นเหตุให้ เบนนี่ โกลบิน นักดนตรีแจ๊สและครูสอนดนตรีที่มีชื่อเสียง ต้องเสียชีวิตอย่างอนาถ ถูกพิพากษาเมื่อวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาให้รับทัณฑ์บนโดยไม่ต้องมีการควบคุมเป็นเวลาสามปี ซึ่งข่าวบอกว่าครอบครัวของนักดนตรีแจ๊สวัย 36 พยายามร้องขอศาลให้พิพากษา ฮอลเล่ย์ ด้วยโทษที่หนักกว่านี้ แต่ศาลไม่รับพิจารณา
ข่าวบอกว่าระหว่างการฟังความในคดีนี้เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม นางอัญชิษา บุญญาสัย ภรรยาชาวไทยของ เบนนี่ โกลบิน ได้นำรูปถ่ายขนาดใหญ่ของสามีไปถือในศาลระหว่างให้ปากคำด้วย โดยเธอหวังว่า ฮอลเล่ย์ จะมองเห็นภาพดังกล่าว
“โดยส่วนตัวแล้ว ฉันจะไม่เรียกมันว่าอุบัติเหตุรถยนต์อีกต่อไป เพราะมันคือการฆาตกรรม” เธอกล่าว
ข่าวบอกว่า การลงโทษเพียงสั่งทำทัณฑ์บนดังกล่าว มีสาเหตุมาจาก แอนโทนี ลีออน ฮอลเล่ย์ ได้ให้ความร่วมมือกับอัยการ คือยินยอมให้การซัดทอด “ตีนผี” รายแรก คืออัลเฟรโด้ เปเรซ ดาวิลล่า วัย 24 ปี เพื่อแลกกับการลดหย่อนโทษ จากคดีฆาตกรรมโดยไม่เจตนา เหลือเพียงข้อหาชนแล้วหนี
ข่าวบอกด้วยว่า ข้อตกลงดังกล่าวค่อนข้างไม่จำเป็น เพราะ อัลเฟรโด้ เปเรซ ดาวิลล่า ปฏิเสธไม่ข้อสู้คดี (pleaded no contest) ในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาด้วยรถยนต์ (vehicular manslaughter) ไปแล้ว โดยการไม่สู้คดีดังกล่าว เป็นไปตามข้อตกลงกับอัยการ เพื่อแลกกับการไม่ถูกส่งฟ้องในคดีฆาตกรรม (murder), ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาด้วยรถยนต์ และขับรถแข่งแบบผิดกฎหมาย โดยดาวิลล่า ถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลาสี่ปีไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา
ผู้พิพากษา เอช เจย์ ฟอร์ด ที่สาม อนุญาตให้ ฮอลเล่ย์ ให้ปากคำในการเฮียริ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคมด้วย โดยเขาได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ เบนนี่ โกลบิน แต่ยังคงยืนยันว่าเขาไม่ได้ขับรถแข่งแต่อย่างใด
หลังทราบคำพิพากษา นางอัญชิษา บุญญาสัย ภรรยาของเบนนี่ โกลบิน ถึงกับร้องได้ และกล่าวระหว่างเดินออกมาจากศาลว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราควรได้รับ เรื่องไม่ควรจบลงแบบนี้”
ทั้งนี้ การขับรถแข่งกันบนถนนสาธารณะของผู้ต้องหาทั้งสอง เมื่อเที่ยงของวันที่ 15 มกราคม 2016 ถูกบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว ทำให้รถเชฟโรเล็ต โคลบอลท์ สีเงินของ อัลเฟรโด้ เปเรซ ดาวิลล่า วิ่งนำหน้ามาอย่างเร็ว และเสียหลักชนเกาะกลางถนน ก่อนจะกระโจนข้ามไปชนกับรถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ของ เบนนี่ โกลบิน ที่จอดติดไฟแดงอยู่อีกฝั่งถนนอย่างรุนแรง ทำให้หลังคาและหน้ารถยุบเข้าไปจนไม่เหลือสภาพเดิม และทำให้นักดนตรีแจ๊สหนุ่มเสียชีวิตทันที
จากนั้น อัลเฟรโด้ เปเรซ ดาวิลล่า ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จากอุบัติเหตุครั้งนี้ ก็ถูกจับกุม ณ จุดเกิดเหตุ และสารภาพกับเจ้าหน้าที่สอบสวนในเวลาต่อมาว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเขาประลองความเร็วกับรถยนต์อีกคัน คือรถเชฟโรเล็ท คามาโร่ สีแดง ของ แอนโทนี ลีออน ฮอลเล่ย์ ซึ่งภาพจากกล่องวงจรปิด แสดงให้เห็นว่าเขาขับหนีจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา
การเสียชีวิตของ เบนนี่ โกลบิน กลายเป็นข่าวที่ชุมชนไทยในลอส แอนเจลิส ให้ความสนใจ เพราะเขาเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของคนไทยพอสมควร เพราะเคยอาสาสมัครมาเป่าคลาริเน็ต กล่อมผู้สูงอายุชาวไทย ในงานสังสรรค์ที่ศูนย์พัฒนาสุขภาพชุมชน ของนางนงเยาว์ วรานนท์ อย่างน้อยสองครั้งในช่วงที่ผ่านมา แต่ละครั้งจะเตรียมบทเพลงพระราชนิพนธ์ รวมถึงบทเพลงที่ชาวไทยคุ้นเคยมาสร้างความบันเทิงให้กับ “ผู้ใหญ่” ของชุมชนได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เบนนี่ โกลบิน ยังเป็นที่รู้จักคุ้นเคยในแวดวงดนตรีแจ๊สในเมืองไทย เคยเดินทางไปแสดงดนตรี, เปิดคลาสสอน และร่วมงานกับนักดนตรีแจ๊สไทยหลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายคือการขึ้นเวทีใหญ่ the Bangkok Jazz Night by the River ที่สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ เมื่อวันที่ 25-26 ธันวาคม 2015 ร่วมกับศิลปินไทยระดับหัวแถวหลายคน
เบนนี่ โกลบิน จบจาก the Academy of Music and Performing Arts magnet school ของแฮมิลตัน ไฮสกูล ในลอส แอนเจลิส ก่อนเข้าศึกษาด้านดนตรีต่อที่คาลเสตท นอร์ธริดจ์ โดยเป็นมือแซกโซโฟนประจำวงแจ๊สของสถาบันด้วย จากนั้นไปจบปริญญาโท ทางด้านแจ๊ส จากมหาวิทยาลัย New England Conservatory of Music ในบอสตัน
“คุณโอ” หรือ อัญชิษา บุญญาสัย เป็นผู้ชวน เบนนี่ โกลบิน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมของคนไทยในลอส แอนเจลิส เพราะเห็นถึงความรักที่สามีมอบให้กับเมืองไทย และคนไทย
“เบนนี่ ผู้รักเมืองไทย รักภาษาไทย รักคนไทย พูดแต่เรื่องเมืองไทย สอนแต่ภาษาไทยให้เพื่อนๆ ต่างชาติและหลานๆ มีความฝันมากมายที่จะทำเกี่ยวกับด้านดนตรีที่เขารัก อัลบั้มใหม่ บันทึกเสียงและมิกซ์เสร็จแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ในห้องอัดที่เมืองไทย กับห้องอัดที่เขาเชื่อว่าทำงานเนี้ยบที่สุดตั้งแต่เคยทำอัลบั้มมา 4 ชุด เขาอยากเผยแพร่เพลงที่เขาทำนี้ให้โลกได้ฟัง เขาอยากหาโอกาส พานักเรียนแซกโซโฟนที่เมืองไทยไปเล่นที่ต่างประเทศ อยากหาเวทีให้เด็กไทยที่เรียนแซกโซโฟนได้แสดงออกให้โลกรู้ มีความฝันว่าอยากเห็นโรงเรียนแซกโซไซตี้ที่แอลเอ อยากให้เด็กไทย ไปสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กอเมริกันที่เรียนแซกได้เห็นบ้าง” คุณโอ ระบุ.