พระปัญจวัคคีย์เหล่านั้นได้บรรลุพระอรหันต์ในวันแรม 5 ค่ำเดือน 8 หลังจากวันเข้าพรรษาผ่านไปได้ 4 วัน เมื่อพระพุทธเจ้าปรับภูมิธรรมและภูมิปัญญาของพระปัญจวัคคีย์เหล่านั้นให้เป็นพระโสดาบันเหมือนกันแล้ว จึงทรงแสดงอนัตตลักขณสูตรแก่พระปัญจวัคคีย์เหล่านั้นพร้อมๆกัน เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงอนัตตลักขณสูตรจบแล้ว พระปัญจวัคคีย์เหล่านั้นบรรลุพระอรหันต์พร้อมกันจิตหลุดพ้นจากความยึดมั่นในขันธ์ 5 พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
ท่านเหล่านั้นทราบว่า ท่านหลุดพ้นแล้ว กิจต่างๆที่ต้องกระทำเพื่อความหลุดพ้นย่อมไม่มี การเกิดอีกไม่มี ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
วันแรม 5 ค่ำเดือน 8 จึงเป็นวันที่พระอรหันต์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในโลก เพราะพระสาวกเหล่านี้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระอนุพุทธะ เป็นผู้เชื่อฟังพระพุทธเจ้าและปฏิบัติธรรมตามได้อย่างดีที่สุด จึงเป็น พระสาวกพุทธะ
เมื่อเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ อุบัติขึ้นเช่นนี้ ผู้เห็นคุณค่าของมนุษย์ผู้เข้าถึงความสิ้นกิเลส ย่อมควรค่าแก่การรำลึกถึงและกระทำการสักการะบูชา ทั้งด้วยอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา
พุทธศาสนิกชนจำนวน 6 คนจึงรวมตัวกันปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่อน้อมถวายเป็นอรหันตบูชา โดยนัดหมายเอาเรือนว่างแห่งเมืองไนล์ รัฐมิชิแกนเป็นที่ภาวนาร่วมกันตามวันเวลาที่กล่าวมาข้างต้น
วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2560 กลุ่มอุบาสิกาจากอินเดียน่า 4 คนได้เดินทางมาร่วมภาวนาและถวายภัตตาหารเพลพร้อมกับเลี้ยงดูผู้ปฏิบัติธรรมอย่างดี จากนั้นจึงได้จัดรายการสนทนาธรรมใต้ร่มไม้เพื่อระลึกถึงพระบรมศาสดาและพระสาวกที่มักจะพักและแสดงธรรม ฟังธรรมกันใต้ต้นไม้
อุบาสิกาท่านหนึ่งถามว่า
“การทำบุญเพื่อเตรียมไว้ไปโลกหน้าใช่ไหม”
จึงตอบอุบาสิกาท่านนั้นว่า
“พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่ทำบุญไว้แล้วย่อมบันเทิงทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า”
ความบันเทิง คือ ความพอใจ ความสุขใจ ความสบายใจ
ถ้ายึดคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ในการตอบคำถามก็ตอบว่า ความเข้าใจของโยมนั้นถูกต้องครึ่งเดียว คือ คนที่ทำบุญแล้วจะมีความสุขในโลกหน้า แต่ความจริงอีกครึ่งหนึ่งคือ เมื่อทำบุญแล้วย่อมมีความสุขในโลกนี้ด้วย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “คำว่า บุญ เป็นชื่อของความสุข” และตรัสต่อไปอีกว่า “การสั่งสมบุญนำความสุขมาให้” พระดำรัสเหล่านี้ล้วนชี้ชัดลงไปว่า การสร้างบุญ คือ การสร้างความสุข
การทำบุญแต่ละครั้งจะมีความสุขมากหรือน้อย สามารถรู้ได้ด้วยตนเอง โดยสังเกตว่า ก่อนทำมีความสุข กำลังทำมีความสุข ทำเสร็จแล้วคิดถึงคราใดมีความสุขครานั้น
อุบาสิกาอีกท่านหนึ่งถามว่า
“อยู่กับลูกกับหลาน เวลาว่ากล่าวตักเตือนลูกหลานไม่ยอมเชื่อฟัง ยิ่งสั่งสอนยิ่งตักเตือนนานๆ ยิ่งพากันเบื่อ หรือมักจะสวนกลับมาว่า เป็นคนขี้บ่น จะใช้ธรรมะข้อใดมาพูดให้เขาเชื่อ”
จึงตอบว่า
“การที่พ่อแม่ ตักเตือนลูกให้เว้นจากความชั่วและตั้งอยู่ในความดีล้วนเป็น หน้าที่ของพ่อแม่โดยตรง พ่อแม่คนใดได้กระทำอย่างนั้น ได้ชื่อว่า เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องสอดคล้องกับหลักที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ในทิศ 6 อันว่าด้วยหน้าที่ที่คนในครอบครัวพึงปฏิบัติต่อกัน”
หลวงพ่อพุทธทาสกล่าวไว้ว่า “ธรรมะ คือ หน้าที่ หน้าที่ คือ ธรรมะ การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม”
ประเด็นต่อมาคือ หากแนะนำแล้วลูกหลานดื้อด้านแข็งกระด้างต่อต้านเกลียดชังจนให้ฉายาว่า คุณพ่อ คุณแม่ ขี้บ่น จะทำอย่างไรต่อไป
สิ่งที่ควรทำ เมื่อสอนด้วยความปรารถนาดีแล้วไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมเข้าใจ สิ่งที่จะต้องทำต่อไป คือ สงบปากสงบคำ สิ่งใดที่ทำเองได้ก็ลงมือทำเสียเอง ไม่ต้องบ่นไม่ต้องว่าใคร สิ่งใดที่ทำไม่ได้ก็ปล่อยไป
เมื่อทำดีที่สุด ลูกหลานก็ยังไม่เห็นความดี คราวนี้ต้องใช้สติปัญญาแผ่เมตตาว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ต้องปล่อยไปตามยถากรรม เผชิญชะตากรรมด้วยตนเอง วันใดวันหนึ่ง เขารู้สึกตัวได้ต้องการให้แนะให้สอนจึงตั้งใจแนะนำสั่งสอนต่อไป ที่ต้องหยุดไปชั่วคราวมิใช่เพราะอำนาจแห่งความโกรธเคืองหรือน้อยใจแต่เป็นเรื่อง ของความเข้าใจว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ความรู้ ความสามารถ แตกต่างกัน ต้องเข้าใจ ย่อมรับ พิจารณาบนพื้นฐานแห่งความเมตตาแล้วปล่อยวาง
ขณะที่ปล่อยวางนั้น ก็รอได้ คอยได้ อดได้ ทนได้ สงบได้ เย็นได้ ปล่อยได้ วางได้ จึงจะได้สงบเย็น
ก่อนจากกันมีคำถามว่า “เมื่อไรจะมาจัดหลักสูตรสมาธิภาวนาที่เมืองไนล์ มิชิแกนนี้อีก”
แกนนำชมรมอุดมสติ นัดหมายกันว่า สมาธิภาวนาคราวหน้าจะจัดขึ้นเพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ระหว่างวันที่ 11-14 สิงหาคม 2560 ท่านที่สนใจโครงการนี้ติดต่อทางโทรศัพท์ 909-629-1771.
สุดท้ายนี้ขอแบ่งบุญที่ได้จากการภาวนาบูชาพระอรหันต์ครั้งนี้ แด่ท่านผู้อ่านบทความนี้ทุกท่าน ขอให้ทุกท่านจงมีแต่จิตใจผ่องใสบริสุทธิ์ สงบสุขสดใสในการดำเนินชีวิตประจำวันทุกท่าน ทุกคนเทอญ
17 กรกฎาคม 2560 เวลา 17.55 น.
เขียนระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่องบิน มหานครชิคาโก สู่มหานครลอส แอนเจลิส