บนเกาะกลางถนนแห่งนี้ แรกเริ่มเดิมทีคือพื้นที่ว่างเปล่า สำหรับให้คนเดินเท้ายืนรอให้รถว่าง ก่อนจะข้ามถนน... แต่ต่อมาได้กลายเป็นบริเวณที่เรียกว่า dumping site หรือบริเวณที่ผู้คนเอาขยะชิ้นใหญ่ๆ มาทิ้ง... เตียง ฟูก โต๊ะ โซฟา กระทั่งทีวี หรือเครื่องซัก-ดรายผ้าเก่าๆ ก็มี
มีคนในย่านนั้นคนหนึ่ง ชื่อ ลี วอลเลซ คอยจับตาดู dumping site แห่งนี้อย่างไม่สบายใจนัก เพราะมันคือกองขยะกลางเมืองที่ลดทอนความน่าอยู่ของบริเวณดังกล่าวลง
บ่อยครั้งที่ ลี วอลเลซ ต้องโทรแจ้งเทศบาลให้มาเก็บขยะเหล่านี้... ถือเป็นหน้าที่ เพราะเขาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมพัฒนาชุมชนถนนมอร์เตอร์ (the Motor Avenue Improvement Assn.) อันเป็นถนนที่อยู่ห่างจากเกาะกลางถนนต้นเรื่องนี้ไปเพียงเล็กน้อย
พอเทศบาลเก็บกวาดเฟอร์นิเจอร์ขาดเหล่านี้จนเกลี้ยงดีแล้ว เพียงไม่กี่วัน ขยะชิ้นใหม่ถูกนำมาทิ้งเอาไว้แทนที่... วนเวียนแบบนี้อยู่เป็นปี
จนวันหนึ่ง เหตุการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อปรากฎว่ามีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักประมาณ 16 นิ้ว พร้อมฐานปูนขนาดใหญ่ แข็งแรง ปรากฎเด่นสง่าอยู่บนเกาะกลางถนนรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้ในค่ำคืนหนึ่ง... โดยไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน ใครนำมาประดิษฐานไว้เพื่อเหตุผลใด
บ้างบอกว่าน่าจะเป็นฝีมือของพุทธศาสนิกชนในละแวกนั้น บ้างก็มองว่าเป็นไอเดียของคนหัวใส ที่ต้องการให้บริเวณเกาะกลางถนนแห่งนี้ “ดูดี” กว่าการเป็นพื้นที่โล่งๆ สำหรับทิ้งขยะของคนไร้ระเบียบวินัยทั่วไป
ขณะที่บางคนบอกว่า พระพุทธรูปองค์นี้ก็เหมือนเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ที่คนเอามาทิ้ง... อาจเคยเป็นเครื่องประดับบ้าน หรือของตกแต่งสวนของฝรั่งมังค่าในย่านนั้น... วันดีคืนดีเกิดอยากจัดสวนใหม่ หรือเกิดเบื่อขึ้นมาก็ขนมาทิ้ง
สองคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธรูป-พระเครื่องระดับอาจารย์คนหนึ่งของเมืองไทย ที่เมื่อได้เห็นภาพถ่ายพระพุทธรูปองค์นี้แล้วก็บอกได้ทันทีว่าเป็น “พระแอนติส” หรือพระที่สร้างเลียนแบบของเก่า ไม่ผ่านพิธีกรรมทางศาสนา แถมดูจากฝีมือแล้ว ช่างปั้นก็ไม่น่าจะใช่คนไทยด้วย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ ไม่ปรากฎว่ามีการนำขยะชิ้นใหญ่ๆ มาทิ้งในบริเวณเกาะกลางถนนแห่งนี้อีก แถมยังกลายเป็นที่ยอมรับและชินตาของชุมชนในละแวกนี้ว่า “มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงนี้”
ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีกระถางธูปเทียน ช่อดอกไม้ หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เคลือบพลาสติกอย่างดีมาวางเอาไว้
“กลายเป็นจุดศูนย์รวมของชุมชนที่นี่ บางคนเริ่มมาปัดกวาดทำความสะอาดพระพุทธรูปด้วย” ลี วอลเลซ บอก
เรื่องราวดำเนินไปอยู่นานนับปี จนเย็นวันหนึ่งของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ชายคนหนึ่งขับรถเก๋งสีขาวมาจอดริมถนนใกล้ๆ องค์พระ จากนั้นก็คว้าค้อนปอนด์ออกมาแล้วทุบที่พระพักตรของพระพุทธรูปจนแตกหักเสียหาย เหตุการณ์เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของผู้เห็นเหตุการณ์สองคน แต่เสียดายที่ทั้งสองมัวแต่ตกใจ จนลืมจดทะเบียนรถยนต์ของมือค้อนเอาไว้...
“คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าตอนทุบเศียรพระนั้น เขาร้องด่ากลุ่มอัลไกด้า ด่ามุสลิมหัวรุนแรง อะไรแบบนั้น” ลี วอลเลซ เล่า ก่อนจะบอกว่า “ผมคิดว่าชายคนนี้คงสับสนอะไรมา แล้วก็เห็นชัดว่าเป็นคนหัวรุนแรงมาก ผมว่าจำเป็นนะที่จะหาตัวเขาให้พบ แล้วก็ช่วยเขาให้เข้าใจอะไรเสียใหม่”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชุมชนในย่านนั้น “เสียความรู้สึก” พอสมควร โดย ลี วอลเลซ บอกว่าเป็นเพราะย่านดังกล่าวมีความหลากหลายของเชื้อชาติและศาสนา ไม่ต่างจากย่านอื่นๆ โดยทั่วไปของเมืองแอลเอ คือมีทั้งมุสลิม คริสเตียน คาธอลิก และยิว...
ความไม่รู้ บวกกับพฤติกรรมรุนแรงที่แสดงออกต่อศาสนาอื่นแบบนี้ ถือเป็นเรื่องอันตรายทีเดียว
เรื่องนี้ได้ถูกนำเข้าแจ้งความกับแอลเอพีดี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว... แต่จนถึงปัจจุบันนี้ ลี วอลเลซ บอกว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากทางตำรวจเลย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากได้เห็นพระพุทธรูปถูกทุบจนเสียหายก็คือ มีการนำดอกไม้ และแก้วเทียนมาวางมากที่หน้าพระพุทธรูปมากขึ้น มีภาพวาดด้วยสีเทียน และถ้อยคำที่เขียนด้วยลายมือโย้โย้แบบเด็กๆ แผ่นหนึ่งมาวางเอาไว้ อ่านได้ว่า “please be kind to th Buddha”
จากนั้น ชุมชนในย่านนี้ก็ได้ร่วมกันลงขันซ่อมแซมพระพักตรของพระพุทธรูปองค์นี้จนกลับคืนสู่สภาพปกติ
แต่เพียงประมาณสองสัปดาห์ต่อมา คนร้าย ที่เชื่อว่าเป็นรายเดิม ก็กลับมาทุบทำลายอีก จนเศียรพระแตกและหลุดจากบ่า แต่ยังถูกยึดโยงเอาไว้ด้วยโครงเหล็กที่อยู่ภายใน... คนร้ายสันดานชั่วจึงต้องกลับมาอีกในคืนรุ่งขึ้น เป็นครั้งที่สาม เพื่อจัดการทุบทำลายเศียรพระจนหลุดจากบ่าลงไปกองเป็นเศษปูนอยู่บนพื้นถนน
กลายเป็นเรื่องใหญ่ กระทั่ง พอล โคแรทซ์ สมาชิกสภาเมืองแอลเอ เขตห้า ผู้เป็นนักการเมืองเจ้าของพื้นที่ ยังต้องแวะมาดูพระพุทธรูปเศียรขาดองค์นี้ เป็นการให้สนับสนุนและให้กำลังในชุมชนแห่งนี้
“วันก่อน คนแถวนี้ปรินต์ภาพใบหน้าพระพุทธรูปออกมาวางไว้บนองค์พระ เมื่อวาน คนร้ายกลับมาอีกเป็นครั้งที่สี่ แล้วก็ทุบทำลายอีก” ลี วอลเลซ เล่า...
ถามว่ายอมแพ้กับความเกลียดชังแบบฝังลึกของมือค้อนลึกลับหรือไม่... ลี วอลเลซ บอกว่าไม่เลย
“ตอนนี้กำลังมีความพยายามในการเรี่ยไรเงิน 5,000 ดอลลาร์สำหรับจัดหาพระพุทธรูปองค์ใหม่มาวางแทนองค์เดิม แต่คราวนี้จะเป็นพระพุทธรูปโลหะ มีสวนหินบริเวณรอบๆ องค์พระ แล้วก็กล้องวงจรปิดด้วย” ลี วอลเลซ นายกสมาคมพัฒนาชุมชนถนนมอร์เตอร์ (the Motor Avenue Improvement Assn.) ระบุชัด
พวกเราคนไหนอยากมีส่วนร่วมในการบริจาคเงินจัดสร้างพระพุทธรูปโลหะ สำหรับจัดวางเอาไว้ที่ริมจัสมิน ในเมืองปาล์ม แห่งนี้ สามารถดูรายละเอียดและร่วมบริจาคได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมพัฒสนาชุมชนถนนมอร์เตอร์ ที่ http://motorave.weebly.com/business-sponsorship.html
“เราจะไม่ยอมให้สิ่งที่เกิดขึ้นจากความเกลียดชัง เป็นฝ่ายชนะหรอก ใช่ไหม” ลี ลอลเลซ บอกในที่สุด...