ท่านผู้อ่านคะ.. หากจะกล่าวไปแล้ว ผลของการเสพสุรา  หรือสิ่งเสพย์ติดอื่นๆ แล้วไม่เกิดโทษหาได้น้อยมากจริงๆ นะคะ เพราะหากแค่อ่านจากข่าวที่เราเห็นตามหน้าสื่อต่างๆ ที่นำเสนอเรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุแล้ว เราต้องยอมรับว่า ต้นเหตุของอุบัติเหตุโดยมาก ล้วนเกิดจากสิ่งเสพติด โดยเฉพาะสุรา ที่สามารถเปลี่่ยนจากคนรัก กลายเป็นศัตรูก็ได้ หรือแม้เมาแล้วขับรถ ก็ได้คร่าจำนวนชีวิตรักของครอบครัวคนอื่นมาแล้วมากมายก็มีมานับไม่ถ้วน ดังนั้น สัปดาห์นี้คอลัมน์เพื่อคุณ จึงอยากเสนอเพียงบทลงโทษเบื้องต้นที่จะได้รับเฉพาะหน้าของผู้เมาแล้วขับว่าต้องประสบกับอะไรบ้าง โดยเราจะไม่กล่าวถึงสิ่งที่จะหลอกหลอนผู้กระทำผิดไปตลอดชีวิต หากไม่อาจประมาณความสูญเสียได้..เพราะบางครั้ง เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเองก็ได้ เพราะผู้ที่มีสติย่อมเรียนรู้ความผิดพลาดจากคนอื่น..จริงมั๊ยคะ

ค่ะ เช่นเคยนะคะ คอลัมน์เพื่อคุณฉบับนี้ เราได้รับสาระน่ารู้ เกี่ยวกับผลจากการกระทำความผิดจากการเมาแล้วขับ จากคลีนิค Jeffrey C. Jackson มาฝากคุณผู้อ่านกันค่ะ อย่างไรก็ดี คุณผู้อ่านบางท่านอาจจะเห็นว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ก็เกิดขึ้นกันเป็นประจำ แต่ทางคลีนิคคุณเจฟฟรีย์ ก็อยากได้นำผลจากการเมาแล้วขับมาย้ำกันอีกค่ะ  ทั้งเพื่อเตือนใจผู้รักการร่ำสุรา หรือการเสพย์สิ่งเสพติด และแม้กระทั่งหากคุณผู้อ่านอยู่ภายใต้การดูแลของหมอ ซึ่งอาจได้รับการรักษาโดยการทานยาที่ออกฤทธิ์รุนแรงจนมึนเมา แต่ขับรถ จนประสบอุบัติเหตุนั้น จะต้องเผชิญกับบทลงโทษอย่างไรบ้าง ภายใต้กฏหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอาจ จะทำให้คณผู้อ่านได้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่รถยนต์ หรือสามารถนำไว้เตือนคนรอบข้าง ว่าหากขณะที่เกิดความรู้สึกมึนเมา แล้วขับรถนั้น ผลที่ได้รับในเบื้องต้นที่ว่าไปตามกฏหมายจะเป็นอย่างไรกัน เพราะเราต่างก็รักชีวิตของตัวเอง และคนที่เรารัก งั้นถ้าเราหากประมาทพลั้งเผลอคร่าชีวิตรักของคนอื่นไปแล้ว ตัวเลขของความสูญเสียประมาณเท่าใดกัน ที่คุณจะคืนให้กับครอบครัวผู้สูญเสียกันได้ จริงมั๊ยคะ.. แล้วถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับเรื่องราว เมาแล้วขับ กันเลยดีกว่าค่ะ

อย่างไรก็ดี ในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้บัญญัติกฏหมายว่าด้วยการขับรถยนต์ด้วยความประมาท หรือได้รับความกดดันอันเนื่องมาจากสารเสพย์ติด หรือ DUI นี้ ค่อนข้างรุนแรง โดยได้รับการจัดอันดับว่า บทลงโทษของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีบทลงโทษที่ ดุเดือด จัดเป็นอันดับที่ 31ของจำนวนรัฐทั้งหมด 50 รัฐ ( วิกิพีเดีย ) สำหรับการขับขี่ยานพาหนะภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า เมาแล้วขับ และรัฐที่มีบทลงโทษการเมาแล้วขับหนักที่สุด คือรัฐ อริโซน่า และรัฐเซาท์ดาโกตา จัดเป็นรัฐที่มีบทลงโทษเบาที่สุด


แล้วการพิจารณาการให้โทษผู้ขับขี่ด้วยความมึนเมา ?
 
สำหรับการพิจารณาว่าผู้ขับขี่มีแอลกอฮอล์มากว่าที่กำหนด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจจับผู้ขับขี่ แล้วพบว่า ในร่างกายมีีแอลกอฮอล์ในเลือด .08 ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับที่กฏหมายกำหนด ผู้ขับขี่ก็จะถูกจับใส่กุญแจมือ ให้นั่งเบาะหลังของรถลาดตระเวนตำรวจ และนำไปเข้าห้องคุมขังทันที เพื่อกักตัวจนกว่าผู้ขับขี่จะสร่างเมา ซึ่งจะประมาณ 10 ชั่วโมง หากสอบสวนแล้วพบว่าผู้ขับขี่กระทำความผิดจริง ผู้กระทำผิดจะต้องถูกกักกันตัว อีกอย่างน้อยเป็นเวลา 2 วัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้พิพากษา

หลังจากนั้น ผู้ขับขี่ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานภาพเป็นผู้กระทำความผิด หรือจำเลยแล้ว หากถูกปล่อยจากที่คุมขัง ด้วยการประกันตัว จำเลยจะได้รับใบขับขี่ชั่วคราว 30  วัน ในขณะที่ใบขับขี่ที่เคยมีจะถูกอัยการยึด และภายใน 10 วัน จะต้องติดต่อเพื่อนัดฟังคำตัดสินของ DMV  ที่สำนักงานใหญ่ ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยจะได้การรับแจ้งทางไปรษณีย์ภายใน 10 วัน ของการพิจารณาคดี ถ้าจำเลยแพ้คดีจากการตัดสินของ DMV  (ซึ่งอัตราการแพ้จะสูงถึง 9ใน 10 ) จะได้รับใบขับขี่เฉพาะกิจที่ขับยานพาหนะไปแค่เพียงจากบ้านไปที่ทำงานเท่านั้น และต้องไปเข้าโปรแกรมอบรมเกี่ยวกับเรื่องแอลกอฮอล์เป็นเวลาอีก 90 วัน หรือจนกว่าจะถึงวันฟังคำตัดสินคดี (disposition )   ซึ่งทาง DMV จะให้ใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว จนกว่าจะเสร็จสิ้นคดี ถ้าจำเลยชนะคดี ทาง DMV จะให้คุณสามารถขอใบขับขี่ แคลิฟอร์เนียได้ในวันเดียวกัน แต่จำเลยก็ยังต้องสู้คดีอาญา  โดยจะมีอัยการ หรือทนายจากรัฐ (District Attorney ) เป็นผู้ฟ้องต่อศาล หากแพ้คดี ทางศาลจะเป็นผู้ตัดสินว่า จำเลยสมควรที่จะได้รับการอนุญาติให้สามารถขับขี่ยานพาหนะต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคดีที่ทำผิดไว้ มีความสุญเสีย หรือเสียหายรุนแรงหรือไม่ แต่หากชนะคดีทางอัยการจะพิจารณาการลดหย่อนค่าปรับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการแก้ต่างจากทนายของจำเลยนั่นเอง

เพียงสุราเท่านั้นหรือ ที่อาจเป็นต้นเหตุของความมึนเมา?  
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปใช่มั๊ยคะว่า สารที่ก่อให้เกิดความมึนเมานั้น ไม่ได้มาจากเพียงพิษสุราเท่านั้น  แต่อาจมีสาเหตุมาจากยาเสพติด หรือการเมายาบางประเภทตามที่หมอสั่งให้ แต่หากผลของการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจหาความมีสติไม่ผ่าน เพราะ DUI ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการขับยานพาหนะ อันเนื่องมาจากสารเสพติดประเภทแอลกอฮอล์เท่านั้น  แต่หากเจ้าหน้าที่พบว่าผู้กระทำผิด เกิดความมึนเมาที่มาจากยาที่ออกฤทธิ์รุนแรง อันเนื่องมาจากยาที่หมอสั่งเพื่อระงับอาการปวดต่างๆ  ก็อาจได้รับบทลงโทษด้วยการสั่งปรับได้ โดยหากผู้กระทำความผิด มีอาการมึนเมาแล้วขับ จะถุูกปรับในอัตรา $1,800.00 และต้องอยู่ในสถานที่กักกัน 48 ชั่วโมง ได้รับ ใบขับขี่เฉพาะกิจ เป็นเวลา 90 วัน และต้องเข้าโปรแกรมบำบัด 3 เดือน  ต้องซื้อประกันรถยนต์เพิ่มอีก $500.00 ประเภท SR -22 มีอายุ 3 ปี และซื้อการประกันควบคุมความประพฤติอีก 3-5 ปี อาจต้องใส่อุปกรณ์ interlock device หรืออุปกรณ์ติดตามตัวผู้กระทำผิดตลอดระยะเวลาที่ถูกควบคุมความประพฤติ ซึ่งหากประเมินราคาค่าปรับ ค่าซื้อประกันยานยนต์เพิ่ม ค่าอบรม และค่าทนาย ค่าอัยการ ฯลฯ ต่าง ๆ น่าจะมีตัวเลขประมาณ $7,000- $11,000 ยิ่งไปกว่านั้น หากพบว่า ผู้กระทำความผิด ได้กระทำความผิดเป็นครั้งที่ 2 ภายใน 10 ปี จะถูกคุมขัง 10 วัน ปรับ  $1,800 เข้ารับการอบรม 18-30 เดือน ติดอุปกรณ์ interlock device ราคา $1,800 ซื้อประกันควบคุมความประพฤติ 10 ปี บทลงโทษขั้นต่ำของการทำผิดครั้งที่ 3 จะถูกคุมขัง 120 วัน ถูกปรับตั้งแต่ $1,800- $18,000 ถูกยึดใบขับขี่ 3 ปี เข้าโปรแกรมอบรม 30 เดือน เพิ่มค่าคุ้มครองประกัน นับเป็นพันๆ เหรียญ หากถูกตัดสินว่าทำผิดร้ายแรง ก็อาจจะไม่ได้รับอนุญาติให้สามารถขับขี่รถยนต์อีกตลอดชีวิต

ถ้าคุณประสบปัญหานี้ ไม่ต้องตกใจ สำนักทนายความ Jeffrey c. Jackson (323) 702-0788 มีความชำนาญในการให้ความช่วยเหลือ DUI Case เป็นอย่างดี 




(เครดิต สำนักทนายความ Jeffrey c. Jackson)