ผู้เขียนเองเป็นผู้ป่วยเบาหวานประเภทสอง ที่พอจะประคับประคองกันมาถึง 20 กว่า ปีแล้วด้วยระดับน้ำตาลสูงบ้างต่ำบ้างแล้วแต่เหตุปัจจัย เฉพาะ A1C เผลอไม่ได้ชอบขึ้นไปเที่ยวเตร่แถวระดับ 10-12 อยู่เรื่อยๆ สองปีที่ผ่านมาเมื่อคราวไปอบรมพระอุปัชฌาย์ที่กรุงเทพมหานคร อาหารเช้าอาหารเพลอุดมสมบูรณ์ ประณีตบรรจงทุกขั้นตอน ผู้ถวายก็มีศรัทธาเลื่อมใส ผู้ฉันก็ฉันด้วยความเต็มใจและชอบใจด้วยนั้นแหละ เมื่ออบรมพระอุปัชฌาย์เสร็จ ไปพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ผลเลือดออกมา A1C 10 ทีเดียว ผลเลือดทั่วไป เกือบ 300ml/dl

ตั้งสติใหม่ต้อนรับผลอันสูงส่งเช่นนั้น จึงพยายามศึกษาหาความรู้ตามแหล่งข้อมูลต่างๆไม่เว้นแม้แต่คำบอกเล่า เมื่อได้ข้อมูลแล้วเริ่มนำมาทดลองอย่างจริงจัง โดยใช้ยาแผนปัจจุบัน ผสมผสานสมุนไพรที่เป็นอาหารควบคู่กันไป ข้อปฏิบัติแบบผสมกันหลายอย่างที่ได้ทดลองมีดังนี้

1.เจาะเลือดปลายนิ้ววันละ3 เวลาคือ ก่อนอาหารเช้า ก่อนอาหารเพล และหลังหกโมงเย็น เพื่อเป็นข้อมูลในการตั้งข้อสังเกต ค่าน้ำตาลแต่ละเวลาที่มีค่าต่างกันนั้นมาจากสาเหตุอะไร โดยเฉพาะคอยสังเกตว่า ค่าของน้ำตาลในเส้นเลือดอย่างนั้น เป็นผลแห่งการรับประทานอาหารอะไรบ้าง รับประทานยาอะไรบ้าง จดหรือจำไว้ก็ได้ แล้วทดลองรับประทานเรื่อยๆจนกว่าผลที่น่าพอใจค่อนข้างเสถียร เช่น อยู่ระหว่าง 70-110 ml/dl ก็น่าจะพอใช้ได้ ต้องหมั่นทำตัวเองเป็นนักทดลอง คอยสังเกตและเก็บข้อมูลแยกแยะว่า อาหารอะไรเพิ่มน้ำตาลในเส้นเลือดได้บ้าง อาหารอะไรลดน้ำตาลในเส้นเลือดได้บ้าง

2.ทดลองฉันอาหารที่ช่วยยาในการลดน้ำตาลให้บ่อยๆ เท่าที่ประมวลได้ตอนนี้ ยาที่สนับสนุนการทำงานของยาลดน้ำตาลในเส้นเลือดให้มีประสิทธิภาพมากคือ พืชที่ปรุงอาหารเช่น มะเขือเปราะ ฝักกระเจี้ยบเขียว หัวไชเท้า มะระขี้นก และมะระจีน แป๊ะตำปึง หรือจักรนารายณ์ รางจืด ใบมะยม บอระเพ็ด พืชเหล่านี้จะนำมารับประทานดิบๆ ต้ม หรือปรุงอาหารให้น่ารับประทานแบบใดแบบหนึ่งตามอัธยาศัยมีผลในการลดดระดับน้ำตาลในเส้นเลือดได้

3.รับประทานยาประจำวันตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากวันใดระดับน้ำตาลลดลงต่ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่า 100 ml/dl อาจจะพักการรับประทานยาได้บ้าง พอค่าน้ำตาลสูงต้องรีบรับประทานยาทันที เรื่องนี้ต้องบริหารจัดการเองตามแนวทางที่หมอผู้เชี่ยวชาญเบาหวานปฏิบัติกันคือ หากผู้ป่วยเบาหวาน มีระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ ก็จะบอกลดปริมาณยาที่รับประทานลง

4.หมั่นสนทนากับผู้ป่วยเบาหวานเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างเครือข่ายและเป็นกำลังใจแก่กันและกัน

5.หมั่นเจริญสติเพื่อให้จิตใจเข้มแข็งจะได้นำไปใช้ในการเตือนตนเองว่า พึงงดเว้นอาหารแสลงที่รับประทานแล้วน้ำตาลขึ้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลทั้งหลายเช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ขนมปัง ขนมหวานอื่นๆ ยิ่งต้องมีสติเตือนตนให้พ้นภัยว่า อร่อยเดี๋ยวเดียว แต่น้ำตาลขึ้นแล้วจะอยู่อีกนานจึงจะค่อยๆลง ใช้ความอดทนให้ผ่านพ้นไป การไม่เพิ่มน้ำตาลเข้าไปในเส้นเลือดดีกว่า รับประทานยาลดน้ำตาลในเส้นเลือดแน่นอน

6.พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามเวลานัดเพื่อจะได้ทราบความคืบหน้าจากการปฏิบัติตนเองด้วยการดูผลเลือดจากโรงพยาบาลซึ่งจะบอกผลน้ำตาลสะสม A1C และผลน้ำตาลในเลือดประจำวันได้แม่ยำกว่าที่ตรวจจากปลายนิ้วที่ทำอยู่ทุกวัน

ข้อปฏิบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ล้วนๆที่ได้อยู่กับเบาหวานมานานถึง 20 กว่าปีแล้ว หากส่วนใดที่เพื่อนพ้องพี่น้องเบาหวานสามารถนำไปใช้ได้ผลก็ยินดีมอบให้เป็นวิทยาทานด้วยความเต็มใจ แต่ถ้าส่วนใดที่ทดลองใช้แล้วมีโทษต้องยุติทันที

เพื่อเป็นกำลังใจและแลกเปลี่ยนข้อมูลแก่กันและกันในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการป้องกันเบาหวาน วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย จึงจัดให้มีการเสวนาเรื่องเบาหวานขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2560 ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป มีนายแพทย์เทียนทอง คำพอ มหาอุบาสกประจำวัดพุทธปัญญา เป็นวิทยากรให้คำแนะนำเชิงวิชาการ และผู้ป่วยเบาหวานอีกมากมายร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในงานนี้มีการจัดเมนูอาหารที่เหมาะแก่ผู้ป่วยเบาหวานเลี้ยงดูทุกท่านที่มาร่วมงานฟรี ถ้าเป็นไปได้ท่านที่มาร่วมงานจะนำอาหาร ผักหรือผลไม้มาร่วมงานด้วยจะเป็นการดีอย่างยิ่ง ทุกสิ่งภายในบริเวณวัดพุทธปัญญา ไม่มีการค้าขายหรือจำหน่ายใดๆ ทุกอย่างแบ่งปันกันด้วยไมตรี เป็นงานมหาทานที่แบ่งปันข้าวปลาอาหารและข้อมูลข่าวสารกันอย่างมีความสุขทุกขั้นตอน

ท่านที่สนใจร่วมงานเสวนาในคราวนี้กรุณาหาข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 909 6291771 หรือ ทาง Facebook Wat Buddhapanya ได้ตลอดเวลา ชาววัดพุทธปัญญาจะรอต้อนรับท่านทั้งหลายเข้าสู่งานสัมมนาด้วยความยินดียิ่ง แล้วพบกันวันที่ 25 มิถุนายน 2560 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป กรุณามาตั้งแต่เวลา 11.00 น.จะได้ทำบุญตักบาตรและรับประทานอาหารร่วมกันก่อนจะเข้าสู่งานสัมมนาทางวิชาการ.

วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า แคลิฟอร์เนีย
วันที่ 19 มิถุนายน 2560