ละครเพลง The King and I ของ​ ร็อดเจอร์ แอนด์ แฮมเมอร์สไตน์ เรื่องราวของ “เดอะคิงออฟสยาม” กับ “แหม่มแอนนา ลีโอโนแวนส์” รวมถึงบทเพลงไพเราะจากละครเพลงเรื่องนี้ ยังคงมีเสน่ห์ และเรียกความสนใจจากคอละครเวที ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งที่เปิดแสดงมาตั้งแต่ปี 1951 หรือเมื่อ 66 ปีที่แล้ว

เมื่อปี 2015 ละคร The King and I ได้กลับมาเปิดแสดงที่บรอดเวย์อีกครั้ง โดยฝีมือการกำกับของ บาร์ทเลทท์ เชอร์ มีการปรับเปลี่ยนโปรดักชั่นให้ “อัพเดท” มากขึ้น มีดาราใหญ่ (จากญี่ปุ่น) เคน วาตานาเบ้ รับบท คิงมงกุฎ และดาราบรอดเวย์ระดับตัวแม่ เคลลี่ โอฮาร่า รับบทเป็นแหม่มแอนนา ผลคือกระแสตอบรับที่ท่วมท้น ทั้งจากผู้ชมและบรรดานักวิจารณ์ทั่วไป แถมด้วยรางวัลโทนี่อีกสี่ตัว รวมถึง Best Revival of a Musical ด้วย

และ The King and I โปรดักชั่นเดียวกันนี้ ได้ “ออนทัวร์” เปิดแสดงตามเมืองต่างๆ ทั่วอเมริกามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งพวกเราในลอส แอนเจลิส ส่วนหนึ่ง ก็มีโอกาสได้ชมกันไปแล้วที่ Pantages Theatre ถนนฮอลลีวูด เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

The King and I เวอร์ชั่น “ออนทัวร์” ดังกล่าวนี้ มี เควิน พันธุ์มีเชาว์ บุตรชายของ กนกพันธ์ พันธ์ุมีเชาว์ อดีตประธานชมรมอำนวยศิลป์แห่งแคลิฟอร์เนีย รับบทเป็น “ลุน ทา” (Lun Tha) หนึ่งในตัวละครหลักของละครเพลงเรื่องนี้ด้วย

หนุ่มไทยคนนี้ มีผลงานการแสดงมาพอสมควร ทั้งภาพยนตร์ฟอร์มเล็กอย่าง Teens Like Phil (2012), The Mariner's Revenge (2014) และ Waiting in the Wings: The Musical (2014) และละครเวทีฟอร์มเล็กอีกสามเรื่อง คือ 25th Annual Putnam County Spelling Bee, Romeo and Juliet (ที่แลงแคสเตอร์ อังกฤษ) และ Into the Woods ที่ Lucas Theater เมืองซาวานาห์ รัฐจอร์เจีย

ถือว่าบทลุน ทา ทูตสันถวไมตรีผู้น่าสงสารจากพม่าใน The King and I เป็นบทบาทที่โดดเด่นที่สุด และเป็นละครโปรดักชั่นใหญ่ที่สุด ของนักแสดงสายเลือดไทยแท้คนนี้...

เวลานี้ The King and I กำลังเปิดแสดงอยู่ที่ชิคาโก้ และ เจอร์รี่ นุนน์ แห่ง วินดี้ ซิตี้ ไทมส์ ได้สัมภาษณ์ เควิน พันธุ์มีเชาว์ ออกเผยแพร่... ซึ่งเราขอคัดเอาส่วนหนึ่งมาถ่ายทอด ดังนี้...

“ผมโตขึ้นมาในลอส แอนเจลิส พ่อแม่ผมเป็นคนไทย” เขาบอก และว่าก่อนจะเริ่มต้นฝึกซ้อมกับละครเพลงเรื่องนี้ เขามีเวลาว่างสองสัปดาห์ จึงเดินทางกลับเมืองไทยไปกับแม่ เพื่อพักผ่อนและทำ “รีเสิร์ช” หาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยในช่วงนั้น

นักแสดงหนุ่มไทยบอกด้วยว่า เขาเรียนการแสดงที่ยูซีแอลเอ และโปรดละครเพลงเรื่อง Sunday in the Park with George มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น

ถามว่ากลายมาเป็นนักแสดงหลักของ The King and I โปรดักชั่น “ออนทัวร์” ได้อย่างไร เควิน พันธุ์มีเชาว์ บอกว่าเริ่มต้นจากการไปคัดตัว (open call) เหมือนนักแสดงที่ตามล่างานทั่วไป โดยมีการเรียกตัวกลับไปคัดตัวซ้ำๆ หลายหน ก่อนจะได้รับข่าวดีในที่สุด...

“เรื่องนี้ผมเล่นเป็น ลุน ทา เขาเป็นทูตจากประเทศพม่า เป็นผู้นำเจ้าหญิงทับทิม มาถวายเป็นราชบรรณาการแด่กษัตริย์แห่งกรุงสยาม เป็นนโยบายการเมืองเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่ทำสงครามกันมายาวนาน  แต่โชคร้าย ที่ลุนกับทับทิมเกิดตกหลุมรักกัน ซึ่งทำให้กษัตริย์แห่งสยามโกรธกริ้วมาก ลุนรักเธอมาก แต่รักกันไม่ได้เพราะนั่นเท่ากับการฆ่าตัวตายทางการเมือง เขาอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายมาก”

ถามว่าในสายตาของเขา... ละครเพลง The King and I ซึ่งถือเป็นละครเพลงคลาสสิกจากยุคเก่า... มีความหมายอย่างไรกับโลกยุคปัจจุบันบ้าง...

หนุ่มไทยบอกว่าผู้กำกับ คือ บาร์ท เชอร์ พยายามที่จะเน้น “กุศโลบายการเมือง” ในละครเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเก่า

“มันมีอยู่เยอะในบท แต่ว่าไม่เคยถูกขับเน้นออกมากจริงๆ จังๆ ผมคิดว่าความแตกต่างที่เห็นชัดที่สุด คือเขาพยายามลดทอนสีสันของมันลง คือละครยังคงมีสีสันนะครับ มีฉากและเครื่องแต่งตัวที่สวยงามอลังการ แต่เขาพยายามขับเน้นผลลัพธ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับกษัตริย์พระองค์นี้มากขึ้น ซึ่งผมว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก”

“มีบางไลน์ ที่ถูกตัดทิ้งไปใน The King and I เวอร์ชั่นยุค 50s ที่ร็อดเจอร์แอนด์แฮมเมอร์สไตน์ เขียนเอาไว้เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในยุคนั้น ยุคที่มีการรุกรานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบช้าๆ จากโลกตะวันตก สยามคือหัวใจของเอเชียที่กำลังถูกรุกคืบเข้ามาจากทุกด้าน กัมพูชาเพิ่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ขณะที่อังกฤษกำลังยึดพม่า หลังจากสิงคโปร์... พระองค์ท่านทรงอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากในการรักษาอธิปไตยของประเทศเอาไว้ ท่านได้เชิญสุภาพสตรีอังกฤษคนนี้มาสอนพระราชโอรสและพระราชธิดา ให้ทราบถึงวิถีของโลกตะวันตก คุณจะรู้สึกได้ว่ามันคือสถานการณ์ที่อันตรายมากสำหรับพระองค์ท่าน...”

โดย เควิน พันธุ์มีเชาว์ สรุปว่าสาระในเชิงการเมืองของละครเพลงเรื่องนี้ โดยเฉพาะในประเด็นที่สอประเทศจะต้องลืมเรื่องบาดหมาง แล้วจับมือกันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกันและกัน ทำให้ละคร The King and I สามารถเชื่อมต่อกับโลกยุคปัจจุบันได้...

ส่วนเพลงจาก The King and I ที่เขาโปรดที่สุด คือเพลง Something Wonderful

“ผมรักเพลง Something Wonderful ผมรักวิธีที่ โจแอน อลามิดิลล่า ซึ่งรับบทเป็นเจ้าจอมมารดาเที่ยง  (Lady Thing) ร้องเอาไว้ มันคือเพลงประจำ (anthem) ของละครเรื่องนี้เลยทีเดียว ถ้าลองคิดให้ดี”

เควิน พันธุ์มีเชาว์ ซึ่งเป็นเกย์แบบเปิดเผย บอกว่าบทบาทของ ลุน ทา แต่งต่างจากตัวจริงของเขาแบบสิ้นเชิง

“ผมเป็นคนขี้เล่น เป็นคนเชยๆ แต่ลุนเป็นคนบึกบึน แกร่ง จริงจัง” เขากล่าว และว่ากับบทบาท ลุน ทา ใน The King and I ทำให้เขาได้ “ปรับและเปลี่ยน” ตัวเอง โดยมีคาแร็คเตอร์จากละคร เป็นตัวผลักดัน ซึ่งเขาชอบมาก

ละครเพลง The King and I จะเปิดแสดงที่ชิคาโก้ (ที่ Oriental Theatre เลขที่ 24 W. Randolph St.) ไปจนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม จากนั้นก็จะเดินสายไปเปิดแสดงที่นอร์ธ แคโรไลน่า, วอชิงตัน ดีซี, เซาท์ แคไรไลน่า, ฟลอริด้า ฯลฯ โดยข้อมูลบนเว็บไซต์ของละครเพลงเรื่องนี้บอกว่ามีโปรแกรมมาเปิดแสดงในแคลิฟอร์เนียอีกสองหน คือที่คอสตาเมซ่า เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2018 และที่ซานดิเอโก้ ในราวเดือนมิถุนายน 2018 ก่อนจะปิดโปรดักชั่นราวเดือนธันวาคมของปี 2018

หากยังไม่เคยดูละครเพลง The King and I ที่เคย “อื้อฉาว” และเป็นที่รังเกียจเดียจฉันท์ของคนไทยในยุคหนึ่ง... แนะว่าควรหาโอกาสชมสักครั้ง

ชมแบบเปิดใจ มองผ่านความตลกขบขัน ความฉูดฉาดและฉาบฉวยที่ปรากฎเป็นฉากหน้า โดยเพ่งไปที่ “สาระ” หรือ “แก่น” ของเรื่อง อย่างที่นักแสดงหนุ่มไทยได้กล่าวเอาไว้ นั่นคือพระปรีชาสามารถ และสายพระเนตรอันยาวไกล ของคิงมงกุฎ ”พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงสยามของเรา ที่สามารถนำพาประเทศไทยอันเป็นที่ของเราข้ามผ่านวิกฤติแรงกดดันของมหาอำนาจจากตะวันตก จนเราสามารถป่าวประกาศแบบภาคภูมิใจ (และสามารถใช้เป็นข้ออ้างของการไม่เก่งภาษาอังกฤษ) ได้ตลอดมาว่า “เราไม่เคยเสียเอกราชให้ใคร” มาจนถึงทุกวันนี้....

หมายเหตุ : ดูโปรแกรมทัวร์ และซื้อบัตรชม The King and I ได้ที่ http://thekinganditour.com/tickets/