ในโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะนำคณะผู้บริหารเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ปรากฏนายกฯได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมประเด็นเพื่อหารือกับสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยการเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โทรศัพท์สายตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์เมื่อไม่นานมานี้ และเชิญให้ไปเยือนสหรัฐ
ทั้งนี้ประเทศไทยและสหรัฐได้มีการหารือทางการค้าครั้งสุดท้ายในเดือนเมษายนที่ผ่านมาโดยเป็นการหารือกันในเวทีคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐ (Trade and Investment Framework Agreement Joint Council : TIFA JC) ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำปี 2560 ระหว่างนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เจ้าภาพฝ่ายไทย กับนางบาร์บารา ไวซีล ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) หลังประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งได้ไม่นาน
ล่าสุดมีรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เข้ามาว่า นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดจะร่วมคณะเดินทางเยือนสหรัฐกับนายกรัฐมนตรีด้วย โดยมอบหมายให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมประเด็นทางการค้าในกรอบ TIFA และมอบให้นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เตรียมประเด็นเกี่ยวกับการขึ้นบัญชีประเทศไทยเป็นประเทศที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ(PWL) ภายใต้มาตรา 301 ในปี 2560 เพื่อหารือถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
"ในการประชุม TIFA ที่ผ่านมา ประเด็นการหารือทั้งเรื่องการคุ้มครองและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการเดินหน้าตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติ รวมทั้งผลักดันให้สหรัฐพิจารณาเพิ่มเติมสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) รวมทั้งประเด็นด้านสินค้าเกษตรและมาตรการที่เกี่ยวข้องของไทย ซึ่งฝ่ายสหรัฐพยายามผลักดันให้ไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและการจดสิทธิบัตรคั่งค้างและยังล่าช้า" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยอาจจะหยิบยกประเด็นเรื่องแรงงานไปหารือกับสหรัฐ โดยในปีนี้สหรัฐมีกำหนดจะ "ทบทวน" สถานะประเทศที่มีการใช้แรงงานเด็กและค้ามนุษย์ ตามกฎหมาย Trafficking Victims Protection Act-TVPA โดยสถานะล่าสุดของประเทศไทยที่ถูกระบุไว้ในรายงาน TIP Report ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายสหรัฐ แต่มีความพยายามปรับปรุงแก้ไขระดับที่ 2 และจะต้องจับตามองเป็นพิเศษ หรือ Tier 2 Watch List เมื่อปี 2559 ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้รายงานถึงความก้าวหน้าในการแก้ปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการจัดแผนแม่บทเพื่อแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ (Master Plan) 3 ปีนับจาก 2560-2562 รวม 24 เรื่อง, ผลสำเร็จจากการดำเนินคดีกับผู้ค้ามนุษย์รายใหญ่ (Big Fish) มีจำนวนถึง 6 คดี เช่น คดีการจับสถานบันเทิงคาราโอเกะนาตาลีและบิ๊กบอส เป็นต้น
พร้อมกันนี้ฝ่ายไทยยังต้องติดตามความคืบหน้าหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบสาเหตุการขาดดุลการค้าของสหรัฐ โดยประเทศไทยจัดให้อยู่ใน 16 ประเทศที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้า ปรากฏในประเด็นนี้รัฐบาลไทยได้ส่งรายงานชี้แจงการได้ดุลการค้าสหรัฐไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 และได้เข้าร่วมการประชุมรับฟังความเห็นของสหรัฐเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 ด้วย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยมั่นใจว่า จะสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าทั้ง 2 ฝ่ายได้ แม้ว่าในช่วง 4 เดือนแรกสหรัฐจะยังคงขาดดุลการค้าไทยอยู่ถึง 83,296 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันสหรัฐเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของไทยรองจากจีนและญี่ปุ่น โดยในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ปี 2560 การค้าระหว่างไทยและสหรัฐ มีมูลค่า 472,805.4 ล้านบาท โดยสหรัฐ เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 ของไทย สัดส่วน 10.8 เปอร์เซ็นต์ ของส่งออกทั้งหมด มูลค่า 278,050.6 ล้านบาท และสหรัฐเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 3 ของไทย สัดส่วน 7.9 เปอร์เซ็นต์ ของตลาดนำเข้าทั้งหมด มูลค่านำเข้า 194,754.7 ล้านบาท.