เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงมติสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ที่ให้เซตซีโร่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยกชุดว่า ถือเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก การเริ่มต้นสรรหาใหม่ไม่ใช้เรื่องง่าย เพราะทุกอย่างใหม่หมด ทั้งรูปแบบพรรคการเมืองและระบบการเลือกตั้ง จึงควรเหลือ กกต.ที่มีคุณสมบัติครบและไม่มีลักษณ์ต้องห้ามตามความเห็นเดิมของกรธ.ทำงานต่อร่วมกับคนใหม่ จะช่วยสานงานในช่วงรอยต่อได้ดีกว่า ซึ่งเป็นหลักปกติของกรรมการในองค์กรอิสระต่างๆอยู่แล้วไม่ได้เปลี่ยนทีเดียวยกชุด การเปลี่ยนระหว่างทางถือว่าไม่เป็นธรรม ผลจากการเซตซีโร่กกต.ที่เป็นอยู่ ณ วันนี้จะทำให้กลับเข้ามารับการสรรหาไม่ได้อีก เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้เป็นได้รอบเดียว เนื่องจากเดิมที่ กรธ.ไม่ตั้งใจที่จะเซตซีโร่ เพราะถ้าตั้งใจจริงๆก็ต้องต้องเขียนเปิดช่องไว้ให้ชุดเดิมกลับเข้ารับการสรรหาใหม่ได้ ดังนั้น การเซตซีโร่กกต.ในภายหลัง โดยที่รัฐธรรมนูญไม่ได้เตรียมการรองรับโดยให้สิทธิกกต.ที่ยังมีคุณสมบัติครบเข้ารับการสรรหาใหม่อีกรอบหนึ่งได้ จึงไม่แฟร์ถือเป็นการตัดสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ เพราะกกต.ชุดนี้ยังอยู่ไม่ครบตามวาระที่ตนเองพึ่งมีเลย
“ผมคิดว่า ยังไงๆก็ถึงศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ต้องต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิตัวเองให้เต็มที่ในฐานะพลเมืองที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เพราะขนาดผู้ที่รู้กฏหมายยังป้องกันตัวเองจากออกกฏหมายไม่ได้ แล้วจะประชาชนจะมีทางสู้ได้อย่างไร แต่เมื่อสู้แล้วมีบุญแค่นี้ก็อยากให้ใช้เวลาที่เหลือสร้างคุโณปการด้วยการเตรียมการจัดการเลือกตั้งให้เต็มที่ เพราะกกต.ชุดนี้รู้ดีทั้งระบบการเลือกตั้ง พรรคการเมืองแบบใหม่ เพื่อเตรียมการให้กกต.ชุดใหม่เข้ามารับหน้าที่ต่อ เพราะมิเช่นนั้นในอนาคตอาจเกิดเป็นปัญหา เพราะต้องเรียนรู้ใหม่ในระยะเวลาสั้นทั้งหมด และจะผลกระทบต่อคุณภาพของการจัดการเลือกตั้งโดยตรงแน่ๆ” นายนิกร กล่าว และว่า ส่วนการเซตซีโร่กกต.จะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตนคิดว่า คงไม่มี ระยะเวลาอาจกระทบบ้างแต่ไม่มาก จึงไม่ใช้สาระ เพราะจะเซตซีโร่หรือไม่ ก็ต้องสรรหากกต.ใหม่ให้ครบตามจำนวนที่กฏหมายกำหนดอยู่ดี มิเช่นนั้นก็จัดการเลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งการสรรหาใหม่ก็คงไม่เกินกรอบ เพราะรัฐธรรมนูญจะเป็นตัวบีบเอง เพราะการเลือกตั้งจะต้องมีภายใน 150 วัน หลังจากกฏหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับแล้วเสร็จ