โรงเรียนพุทธศาสนาวัดไทย ลอส แอนเจลิส กำหนดจัดงาน “มหกรรมดนตรีและนาฏศิลป์ไทย ครั้งที่ 19” ในวันเสาร์ที่ 17 มิถุนายนนี้ ที่ Auditorium ของ Panorama High School เลขที่ 8015 Van Nuys Bl., Panorama City, CA 91402
ก่อนจะมีงาน “มหกรรมฯ” เกิดขึ้นทุกครั้ง ทางคณะทำงาน ซึ่งนำโดย นางเชอรร์รี่ คำลือ ฝ่ายจัดหาทุน, นางวาสิณี ธรรมปัญญา (ครูเปิ้ล), และ นางสาวสุวัฒนา ปิ่นวัฒนะ (ครูแต๋ว) ซึ่งเป็นครูท้องถิ่นประจำโรงเรียนวัดไทยฯ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ได้มีการรณรงค์ร่วมมือกันจัดงานหาเงินทุนเพื่อเตรียมรับกับค่าใช้จ่ายในการจัดงาน “มหกรรมฯ” ที่จะเกิดขึ้นทุกปี
โดยครั้งนี้ การรณรงค์จัดงานหาเงินทุนได้กำหนดขึ้นภายใต้ชื่องาน “แฟนซี ไนท์” โดยใช้อาคารเรียนเรือนไม้เป็นสถานที่รองรับ ซึ่งลักษณะงานเป็นการรับบริจาคเงินจากผู้เข้าร่วมงานที่ขึ้นไปร้องเพลงร่วมกับวง “สายธาร” ที่บรรเลงดนตรีประกอบเครื่องเล่น “คาราโอเกะ” ตลอดรายการ และในงานมีการเต้นรำ, การแสดงจาก “สมาคมนวด แอนด์ สปา” รวมทั้งยังมีการประกวด “มิสเตอร์-มิส แฟนซี ไนท์ 2017” อีกด้วย โดยมี นางกิริยา หิรัญพลกุล เป็นประธานในงาน โดยรายได้ทั้งหมดที่ได้รับในคืนวันเสาร์ที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ นางเชอร์รี่ คำลือ ผู้นำทีมการจัดงาน ได้แจ้งว่ายอดเงินทั้งหมดที่ได้รับคือจำนวน $6,020 (หกพันยี่สิบดอลลาร์)
“...งานประสบความสำเร็จด้วยดีค่ะ ดิฉันขอฝากขอบคุณเป็นพิเศษมายังคุณสมชาย ไทยทัน และ คุณสมเจตน์ พยัคฆฤทธิ์ ที่มาเป็นนักร้องกิตติมศักดิ์, คุณรังสิต คงจันทร์ มาช่วยเป็นพิธีกร, คุณราม ทิวากร, คุณเล็ก สุดหล่อ, คุณนูโน่ สุรสีห์, คุณอนุชา พุทธารัตน์, คุณชนินทร์และ “ครูอี๊ด”, หน่วยงาน, องค์กร, สมาคม, สภาสตรี, กลุ่ม “ชานกรุง” ตลอดจนบุคคลทั่วไป, ร้านค้าและสปอนเซอร์อาหารทุกท่าน รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง...
...วัตถุประสงค์ของการจัดงาน “แฟนซี ไนท์” ครั้งนี้ก็เพื่อนำเงินรายได้ไปใช้จ่ายในการแสดง “มหกรรมดนตรี-นาฏศิลป์ไทย ครั้งที่ 19” เป็นการแสดงของเด็กๆ ที่เกิดและเติบโตในต่างแดน แต่สามารถสื่อความเป็นไทยทางด้านวัฒนธรรมและขนมธรรมเนียมไทย เพื่อสืบทอดความเป็นไทยต่อไป...
...จึงขอเชิญชวนทุกท่านไปร่วมชมและเป็นกำลังใจให้กับลูกหลานของเรา และช่วยกันสนับสนุน “ซื้อ” เสื้อยืด “แผ่นดินถิ่นทอง” ราคาตัวละ 10 เหรียญ ด้วยนะคะ...” นางเชอร์รี่ คำลือ กล่าวกับ “สยามทาวน์ยูเอส”
ทางด้าน “ครูอาสาฯ” ที่เดินทางมาจากเมืองไทย และเข้ารับผิดชอบการแสดงทั้งหมด รวมทั้งการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นให้กับเด็กนักเรียน มีทั้งหมด 3 ท่าน คือ อาจารย์ วรรณภา เกษสุภะ (ครูหมิว), อาจารย์ชนิสรา โชติศักดิ์ (ครูปีใหม่) และ อาจารย์วฤทธิ วาริชกุลจงเจริญ (ครูแทน)
-:ครูหมิว (วรรณภา เกษสุภะ)
เป็นคนกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด เธอเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุ 9 ขวบโดยคุณยายเป็นคนพาไปสมัครเรียนดนตรีที่ดุริยางค์ทหารเรือ แต่มาเรียนแบบจริงจังเมื่ออายุ 11 ขวบ พร้อมทั้งเรียนรำไทยไปด้วยที่โรงเรียน “ดรุณวัฒนา” เครื่องดนตรีที่เลือกเรียนครั้งแรกของเธอคือ “ขิม” และเธอเป็นหนึ่งในนักเรียนดนตรีไทยกลุ่มแรกของโรงเรียน “ดรุณวัฒนา” ที่นอกจากจะสอนดนตรีไทยแล้วยังสอนดนตรีพื้นเมืองอีสานด้วย
“ครูหมิว” ศึกษาดนตรีจนจบระดับประถมศึกษา และสอบ “ขิม” เพื่อรับการคัดเลือกเข้าเรียนต่อที่ “วิทยาลัยนาฏศิลป์” จนกระทั่งจบมัธยมปลาย
“...ที่เลือกมาเรียนต่อที่นี่เพราะว่าอยากเรียนต่อทางด้านดนตรี หมิวรู้สึกสนุกและชอบมากค่ะ เวลาที่ได้เล่นดนตรีและได้ทำการแสดงเพราะเหมือนกับเราได้มอบความสุขให้คนดู ส่วนความสุขของเราคือ การที่ได้แสดงและได้ร่วมเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ในวง...
จากนั้น หมิวได้ยื่นผลการเรียนและสอบเข้าเรียนต่อที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ค่ะ (เป็นเหมือนแม่ข่ายใหญ่ของวิทยาลัยนาฏศิลป์) หมิวเอกซอด้วง และได้รับทุนเรียนดี โดยช่วงที่เรียน 5 ปีที่อยู่ที่นี่ เป็นช่วงที่ลุ้นและเป็นอะไรที่ท้าทายมากค่ะ เพราะถ้าหากผลการเรียนนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดก็จะถูกปลดออกจากทุนเรียนดี และหมิวก็ได้เรียนที่นี่จนกระทั่งจบปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต คณะศิลปศึกษา สาขาดนตรีคีตศิลป์ไทยศึกษา โดยไม่หลุดจากทุนเรียนดีค่ะ...
แต่ช่วงที่เรียนและฝึกสอนอยู่นั้นก็ได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการสอนภาษาและวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เลยลองมาสอบดูค่ะเนื่องจากเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ที่รู้จักกัน เขามาที่นี่กัน และอาจารย์ก็มาแจ้งข่าวให้ทราบ โดยสอบทฤษฎี ปฏิบัติและสัมภาษณ์ค่ะ พอทราบผลว่าสอบติดก็รู้สึกดีใจมากค่ะ...
...ก่อนมาที่อเมริกา ทางโครงการจะมีการอบรมทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ เมื่อถึงวันเดินทางที่ต้องมาที่แอล.เอ รู้สึกตื่นเต้นและกังวลมาก ทั้งเรื่องการเข้า ต.ม. และการมาสอน เพราะด้วยที่ตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ จนกระทั่งเดินทางมาถึงวัดไทยฯ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นกันเองจากผู้ปกครองนักเรียนและครูซัมเมอร์รุ่นพี่ค่ะ
มาถึงช่วงแรกก็กังวลมาก แต่สักพักก็เริ่มปรับตัวได้ นักเรียนที่นี่เก่งมาก โดยเห็นได้ชัดจากการบรรเลงเพลงการฝึกซ้อม เมื่อเรารู้ว่านักเรียนได้เพลงอะไรบ้างแล้วเราก็พยายามหาสิ่งใหม่ๆ ให้นักเรียนได้เรียนค่ะ ซื่งสิ่งที่หมิวจับมาสอนให้นักเรียนได้เรียนก็คือ “คอนเทมโพลารี่” ค่ะ โดยก่อนที่จะเรียนก็จะคุยกับนักเรียนตกลงกันว่าอยากเรียนอะไร โดยลองหาสื่อวิดีโอเปิดให้นักเรียนดูด้วย
...แต่ในการเรียนการสอนของหมิว จะสอนเพลงไทยแบบไทยเดิมด้วยและคอนเทมโพลารี่ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังสอนดนตรีพื้นเมืองคือวงโปงลาง นักเรียนที่นี่ก็มีพื้นฐานกันอยู่แล้วสืบเนื่องมาจากงานมหกรรมดนตรี-นาฏศิลป์ปีทีแล้วที่มาในธีม “เบิ่งอีสาน” ค่ะ แต่ก็มีเพิ่มเติมบ้างเป็นบางคนเพื่อให้นักเรียนได้แสดงออกมากขึ้น
สำหรับการเรียนการสอนนั้น บางครั้งก็ต้องต่อเพลงที่นอกเหนือจากที่เตรียมมาเพราะมีงานกะทันหัน แต่ก็ได้เตรียมเพลงและธีมงานที่จะใช้ในมหกรรมฯมาก่อนหน้านี้แล้ว พอมาถึงช่วงเดือนตุลาคมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงสวรรคคต หมิวกับเพื่อนๆ ครูประจำการ 1 ปีก็ต้องมาคุยธีมงานมหกรรมกันใหม่ค่ะว่าเราจะปรับการแสดงให้ประมาณไหนดี แล้วเราก็ได้บทสรุปกันว่าจะใช้ชื่องานว่า “แผ่นดินถิ่นทอง”
โดยการแสดงก็จะมีการแสดงรำลึกถึง รัชกาลที่ 9 และแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทยค่ะ ไฮไลท์ของงานจะอยู่หลังจากการจับรางวัล raffles ไปแล้วทั้งหมด โดยจะมีการแสดงและผู้ควบคุมตามระดับชั้น โดยชั้น อนุบาล ควบคุมโดย “ครูแตงกวา” (ทีภาธ ศรีธนะ) นักเรียนชั้น ป.1-2 ครูเอิง” (นวพร อัจฉริยะเกียรติ), “ครูตู่” (กชกร สร้อยแสง), ป.3-4 “ครูทอล์ก” (ประภพ แซ่อึ้ง), “ครูไมค์” (อมรเทพ ศรีเทพ) ซึ่งเป็นหัวหน้าครูปีและผู้ออกแบบโลโก้มหกรรมดนตรี ค่ะ, ป.5-6 และมัธยม “ครูเก๋” (พรยมล สีหาบุตร), “ครูติ๊ก” (ปัทวรรณ พันชัย)
... ในส่วนของนาฏศิลป์ เป็น “ครูปีใหม่” (ชนิสรา โชติศักดิ์) ดนตรีปี่พาทย์ โดย “ครูแทน” (วฤทธิ์ วาริชกุลจงเจริญ) และเครื่องสายก็จะเป็นหมิวค่ะ จากการซ้อมรวมวงดนตรีไทยและวงคอนเทมโพลารี่แต่ละครั้ง นักเรียนมีความตั้งใจ และสามารถทำได้ดีมากค่ะ รู้สึกภูมิใจมากที่นักเรียนสามารถทำได้เกินที่เราตั้งเป้าไว้ นักเรียนเรียนรู้ได้เร็วมาก สำหรับการเตรียมตัวงานมหกรรมครั้งนี้ก็มีนักเรียนมาเข้าค่ายนอนค้างคืนที่โรงเรียนด้วยค่ะ ทั้งนักเรียนและครูต่างก็ทำกันอย่างตั้งใจและเต็มที่ อยากให้มาชมกันเยอะๆ ค่ะ รับรองว่าจะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ในงานมหกรรมครั้งนี้ แน่นอนค่ะ...
ขอกราบขอบพระคุณ พระเทพมงคลวิเทศ พระวิเทศกิตติ คุณและพระอาจารย์ทุกรูปที่ได้ให้การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ และเล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษาและวัฒนธรรมไทย, ขอบคุณผู้ปกครองที่สนับสนุนให้ร่วมมือกิจกรรมการเรียนการสอน การต้อนรับและการเป็นอยู่ที่อบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนพี่น้อง, ขอบคุณนักเรียนทุกคนที่มาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ครูคนนึงต้องการมอบให้, ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในโครงการสอนภาษาและวัฒนาธรรมไทยในต่างประเทศ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ที่ได้จัดโครงการดีๆ และมอบโอกาศและประสบการดีๆ ให้ และขอขอบคุณเพื่อนๆ ร่วมงาน ครูประจำการ 1 ปี วัดไทย ลอสแองเจสิสทุกคน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันจนกระทั่งถึงงานมหกรรมดนตรี-นาฏศิลป์ไทย ครั้งที่ 19 ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ...”
-:ครูปีใหม่ (ชนิสรา โชติศักดิ์)
เป็นคนกรุงเทพฯ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (มศว) คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกวิชา ศิลปกรรมศาสตร์ศึกษา สาขาศิลปะการแสดงและนาฏศิลป์ศึกษา เหตุผลที่เลือกเรียนทางด้านนาฏศิลป์ไทย เพราะคุณแม่ชอบชมการแสดงรำไทย และเปิดให้ “ครูปีใหม่” ชมอยู่บ่อยๆ พออายุ 7 ขวบ คุณแม่ของ “ครูปีใหม่” ก็ส่งให้เธอเรียนนาฏศิลป์ไทยที่ “ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น” ดินแดง
“ครูปีใหม่” เริ่มเรียนนาฏศิลป์ไทยก่อนแล้วเพิ่มวิชาดนตรีไทยกับเรียนร้องเพลง เธอเคยเดินทางไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยที่ประเทศจีนตอนอายุ 10 ขวบ และประเทศเกาหลีตอนอายุ 17 เธอเคยเป็นครูอาสาสมัครสอนนาฏศิลป์ไทย ที่ “ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น” ดินแดง เมื่ออายุ 15 จนถึง 20 ปี
ในช่วงเข้ามหาวิทยาลัย เธอให้เหตุผลถึงการเลือกเรียนครูนาฏศิลป์ ว่า
“...คือตั้งแต่ได้เป็นครูอาสาสอนนาฏศิลป์น่ะค่ะ ทำให้ตัวเองชอบที่จะสอนเด็กๆ ชอบคิดและสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ค่ะ คิดว่าเป็นสิ่งที่เรารักและถนัดมากที่สุด ที่ มศว มีเปิดสาขาวิชาครูนาฏศิลป์พอดี เลยไปสอบเข้าเรียนค่ะ หลายคนชอบพูดว่า เรียนรำไทยมันง่าย จบไปก็เต้นกินรำกินจะไปเรียนทำไม แต่สำหรับใหม่ ใหม่มองว่า การที่เราจะฝึกรำแต่ละเพลงให้สวยนั้น มันต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และการฝึกฝนเป็นอย่างมากค่ะ ไม่ใช่แต่แค่รำเป็นแต่ต้องรำให้สวยถูกต้องตามแบบแผนค่ะ
ในเรื่องของที่เรียนนั้นไม่ได้ง่ายเลยนะคะ ใหม่จะต้องเรียนวิชาศึกษาศาสตร์ เรียนพัฒนาการสอน หลักการสอน การทำวิจัยในชั้นเรียนเกี่ยวกับการเรียนการสอนวิชานาฏศิลป์ เรียนร่วมกับการสร้างสรรค์ผลงานด้านนาฏศิลป์และต้องฝึกสอนที่โรงเรียนจริงๆ อีก 1 ปีค่ะ ใหม่ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 5 ปี ตามหลักสูตรวิชาชีพครูค่ะ
การตัดสินใจมาที่นี่ในตอนแรกใหม่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเลยค่ะ ตั้งใจจะรอสอบบรรจุเป็นครู แต่เพื่อนชวนให้มาสอบเป็นเพื่อน เพื่อนสอบติดนะคะ ใหม่สอบได้ตัวสำรอง แต่ก็ถูกโทร.ตามให้มา...
ตอนที่อาจารย์ที่จุฬาโทรศัพท์บอกว่า จะให้มาสอนที่ L.A. รู้สึกสับสนมากค่ะ เพราะช่วงที่มาอยู่ที่นี่ จะตรงกับช่วงที่ใหม่รับปริญญาพอดี ใหม่จะต้องเลือกว่าจะรับโอกาสหรือจะรับปริญญา ตัดสินใจอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ค่ะ สุดท้ายก็โทรศัพท์กลับไปหาอาจารย์ บอกว่า ”หนูจะไปสอนเด็กๆ ที่ L.A. ค่ะ”
ใหม่คิดแค่ว่าอยากนำสิ่งที่ใหม่ได้เรียนรู้มาไปสอนเด็กๆ ให้ได้มากที่สุด พอมาถึงที่นี่ก็เห็นว่า เด็กๆ เก่งมากๆ เลยค่ะ รำเพลงครู เพลงสูงๆ ได้เยอะมาก ใหม่มองว่าเด็กที่นี่ได้เพลงมาตรฐานเยอะแล้ว เลยคิดอย่างจะสอนอะไรใหม่ๆได้เด็กๆ ได้พัฒนาตัวเอง ใหม่จึงร่วมสมัยกับ “คอนเทมฯ” ที่ผสมกับนาฏศิลป์ไทยมาสอนสำหรับเด็กโตค่ะ ผลตอบรับที่ได้กลับมา ปรากฎว่าเด็กๆ ชอบกันมาก การแสดงร่วมสมัยและคอนเทมฯ ใหม่นำไปโชว์ในงานมหกรรมดนตรี-นาฏศิลป์ในปีนี้ด้วยนะคะ...
การจัดงานมหกรรมดนตรี-นาฏศิลป์ เราสามคนได้โจทย์เป็น “ภาคกลาง” ค่ะ ใหม่มองว่าเป็นภาคที่ง่ายที่สุด เพราะว่าเราจะทำอะไรก็ได้ที่เป็นกลาง การแสดงนาฏศิลป์แต่ละชุดจะมีเรื่องราวอยู่ทุกการแสดงค่ะ แต่ละการแสดงใหม่จะตั้งโจทย์ให้เด็กๆ ที่แสดง เช่น เพลงวิถีไทย การแสดงเกี่ยวกับการทำนา-เกี่ยวข้าว รูปแบบการแสดงจะเป็นการเล่าเรื่องโดยใช้ร่างกายท่าทางเป็นสื่อกลางให้การเล่าเรื่องค่ะ ต้องให้นักแสดงคิดว่า เราเป็นชาวนาจริงๆ ตอนนี้เรากำลังจะทำอะไร เพราะอะไร ประมาณนี้ค่ะ สำหรับการแสดงมหกรรมครั้งนี้ ใหม่ตั้งโจทย์ให้กับตัวเอง ว่าจะต้องเรียบ หรู ค่ะ ซึ่งใหม่หวังมากๆ ว่ามันจะต้องออกมาดีทุกการแสดง ใหม่ฝึกซ้อมเด็กอย่างเข้มข้นค่ะ
สุดท้ายนี้นะคะ อีก 37 วัน ใหม่จะหมดหน้าที่ตรงนี้แล้ว ซึ่งที่อยากจะบอกเด็กๆ ก็คือ อยากให้เด็กๆ ตั้งใจสืบสานการรำไทยต่อไปค่ะ และอยากในเด็กๆ พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นในทุกๆ วัน บางอย่างที่ครูได้สอนให้เด็กๆ ก็อย่าลืมนำไปปรับใช้ ครูรักและรู้สึกผูกพันกับเด็กๆ มาก ขอบคุณที่สร้างความทรงจำดีๆ ให้ครู มันเป้นความทรงจำที่ดีที่สุด สำหรับผู้ปกครอง อยากจะขอขอบคุณทุกๆการช่วยเหลือ ทุกๆ การดูแล ทุกๆ คำแนะนำ ทุกๆ คำสอน ทุกๆคำเตือน ขอบคุณมากที่ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่มาอยู่ที่นี่ ผู้ปกครองดูแลเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันค่ะ รู้สึกอบอุ่นมากๆ ขอบคุณประสบการณ์ดีๆ จากที่นี่ ขอบคุณตัวใหม่เองที่ตัดสินใจมาที่นี่ ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ค่ะ...”
-:ครูแทน (วฤทธิ์ วาริชกุลจงเจริญ)
เกิดที่ กรุงเทพฯ เริ่มเรียนดนตรีจาก “ศูนย์เยาวชนแถวบ้าน” จากนั้น เข้าศึกษาวิชาดนตรีจากวงของโรงเรียน”สาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง” พอจบ ม.ปลาย เขาไปสอบเข้าเพื่อเรียนต่อสายดนตรีที่ “สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์” เขาเล่าถึงแรงบันดาลใจของเขาในการเรียนวิชาดนตรีอย่างสั้นๆ ว่า “มัน คือความสนุก ความอยากที่จะเล่นดนตรีให้คนอื่นฟัง อยากที่จะพัฒนาตัวเอง เชื่อว่าดนตรีจะนำพาเราไปเจอกับสิ่งใหม่ๆที่เราไม่เคยเจอ”
“ครูแทน” ถ่ายทอดความความในใจส่วนตัว และฝากบอกความประทับใจมายังเด็กๆ นักเรียนของเขาด้วย ว่า
“... รู้สึกดีใจมากๆ ครับ ที่ได้มาอเมริกา เพราะเป็นต่างประเทศ เป็นประเทศแรกที่เคยมา และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มาเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ส่วนภาพลักษณ์ของที่นี่ ผมไม่ค่อยรู้มากเท่าไหร่ เพราะตั้งใจที่จะไม่อยากรู้อะไรมาก เพื่อที่จะได้เจอสิ่งใหม่ๆ เมื่อเจอกับนักเรียนก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เพราะเด็กๆ ที่เราเจอไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเราเป็นครู แต่เราต้องเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นทุกอย่างที่เหมือนอีกครอบครัวหนึ่งของเขา...
...ผมมีความภูมิใจมากๆ ที่ได้มาที่นี่ และได้สอนให้เด็กๆ ได้มีการพัฒนาตนเอง ประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่เมืองไทย ผมเคยมีการจัดงานตอนจะเรียนจบโดยทำเหมือนเป็นการจัดงานแสดงดนตรีงานหนึ่งขึ้นมา ไม่แตกต่างจากที่นี้มากนัก เพราะเป็นการโชวว์ศักยภาพทางด้านดนตรีเหมือนกันครับ...” ประโยคสุดท้ายให้ความมั่นใจคนดูมาก เพราะผ่านเวทีจัดงานใหญ่มาแล้ว
ส่วนคำกล่าวที่ “ครูแทน” มาดแมน แสนหล่อ อยากฝากไว้ให้นักเรียนทุกคนจดจำ ก่อนที่เขาจะหมดวาระประจำการ และบินกลับประเทศบ้านเกิดเมืองนอน โดยพกพาหัวใจน้อยๆ ของนักเรียนที่รักไปด้วยนั้น คือ... “รักนะ จุ๊บๆ” สั้นๆ แต่จัดหนักหมดใจ
บรรดาอาจารย์ หรือ “คุณครูที่รัก” ของลูกศิษย์ลูกหาทุกคน กำลังจะลากลับบ้านกันวันที่ 13 กรกฎาฯที่จะถึงนี้แล้ว หลังจากงาน “มหกรรมดนตรี-นาฏศิลป์ไทย ครั้งที่ 19” จบลง การเริ่มต้นเก็บของลงกระเป๋าก็จะเกิดขึ้น นักเรียนคนไหนตั้งใจจะติดต่อ “ครูในดวงใจ” ของตัวเอง ก็ อย่าลืม “แลกไลน์” กันได้แล้ว
ทางด้าน อาจารย์วาสิณี ธรรมปัญญา หรือ “ครูเปิ้ล” และ “ครูแต๋ว” สุวัฒนา ปิ่นวัฒนะ ที่ช่วยกันเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ในงาน “มหกรรมฯ” ทุกครั้งที่เกิดขึ้น ฝากมาบอกว่าในงานมีรางวัลมากมายสำหรับท่านที่ซื้อตั๋ว “รัฟเฟิ่ล” (ราคาใบละ 2 เหรียญ, ปึกละ 20 เหรียญ) เช่น ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับเมืองไทย/ลอส แอนเจลิส), จานดาวเทียม, ไอแพ็ด, ตู้อบสมุนไพร และรางวัลยิบย่อยอีกหลายอย่าง
ราคาบัตรเข้างาน “มหกรรมดนตรี-นาฏศิลป์ไทย ครั้งที่ 19” ราคาใบละ10 เหรียญ, สำหรับ “วีไอพี” ใบละ 20 เหรียญ ติดต่อซื้อ-จองกันได้ที่ “ครูเปิ้ล” (818)571-1771, “ครูไมค์” อมรเทพ ศรีเทพ (818)927-9590, “ครูหมิว” (818)747-3377, “ครูปีใหม่” (818)915-1451 และ “เชอร์รี่ คำลือ” (818)448-9043
งานเริ่มเวลา 13.00-15.25 น. แต่ประตูเปิดให้เข้าประจำที่นั่งเวลา 12.30 (เที่ยงครึ่ง) ขอเชิญพี่น้องชาวไทยไปให้กำลังใจเยาวชนของเรา ตามสถานที่และเวลาดังกล่าว
ขอฝากขอบคุณคณาอาจารย์ทุกท่าน ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทความสามารถ-วิชา เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานเราในแอล.เอ.ได้มีพัฒนาการและวิสัยทัศน์อันชัดเจน เป็นองค์ประกอบสำคัญในการใช้ชีวิตของพวกเขาสืบไป ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
“จุดหมาย” เป็นแค่ “ตัวกำหนด”การพบเจอ...”ระหว่างทาง” ต่างหาก คือ “ของขวัญ” ไม่ผูกโบว์ ที่ “เรา” ต่างคน ต่าง “เก็บ” กลับบ้านได้...