เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา พล.ท.วีรชน สุคนธปฎิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามคำเชิญของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานกับสหรัฐฯ เพื่อกำหนดวันที่ชัดเจน คาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเตรียมการ และเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่จะไปหารือกับสหรัฐฯ เช่น กระทรวงพาณิชย์ ฝ่ายความมั่นคง และด้านการศึกษา
"การเยือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญ ที่ไทยกับสหรัฐฯ จะได้กระชับความสัมพันธ์ และหารือกรอบความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างกัน" พล.ท.วีรชน กล่าว และว่าการพูดคุยระหว่างสองผู้นำในครั้งนี้ จะครอบคลุมถึงประเด็นการค้า การลงทุนและความมั่นคง ในนั้นรวมถึงปัญหาด้านความมั่นคงต่างๆ อย่างเช่นการค้ามนุษย์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ออกหนังสือเวียน ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่นร 0505/ว266 ถึงรองนายกรัฐมนตรีทุกคน ทุกกระทรวง และเลขาธิการ คสช. เรื่องข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 มิ.ย.2560 ลงนามโดยนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า
สืบเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ รวมทั้งประเด็นอื่นที่สำคัญ เช่น กรณีผลการจัดสถานะประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ การแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การจัดตั้งอนุกรรมการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนสหรัฐฯในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ ให้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
โดยข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ปรารภในที่ประชุมครม.ว่าจะเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ขอให้ทุกฝ่ายเตรียมข้อมูลไว้ให้พร้อม ในขั้นต้นหากมีการเชิญมาอย่างเป็นทางการ โดยให้เตรียมความพร้อมในเรื่องมาตรการต่างๆที่เคยเร่งรัดไป โดยเฉพาะเรื่องสินค้าลอกเลียนแบบ สินค้าผิดกฎหมาย ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันกวดขัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันเดินทางที่ชัดเจน แต่จะเป็นในช่วงเดือนก.ค.นี้
และสืบเนื่องจากการเตรียมเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามคำเชิญของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ดังกล่าวนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รายงานข่าวว่าอาจจะทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูก “โจมตี” อย่างหนัก เพราะเป็นอีกกรณีที่นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของเขา ทำให้สหรัฐฯ ยอมมองข้ามปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
รอยเตอร์ระบุว่าคำเชิญที่ส่งถึงอดีตผู้บัญชาการกองทัพของไทยอาจเป็นการส่งสัญญาณจากสหรัฐฯสำหรับก้าวย่างคืนสู่ความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติกับไทย พันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของวอชิงตันในเอเชีย และว่าสำหรับวอชิงตันกำลังแสวงหาความร่วมมือในหมู่พันธมิตรในเอเชีย เพื่อกดดันเกาหลีเหนือต่อโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเปียงยาง และเพื่อคัดค้านความทะเยอทะยานของจีนในน่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้
รอยเตอร์ระบุต่อไปว่า ทรัมป์อ้างแขนสู่พวกผู้นำเผด็จการในภูมิภาค อย่างเช่นประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งประกาศทำสงครามยาเสพติดคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายพันศพ
สื่อระดับโลกแห่งนี้ระบุว่าพวกกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆเกรงว่านโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของทรัมป์ อาจเป็นผลให้วอชิงตันชะลอคันเร่งในประเด็นสิทธิมนุษยชน ขณะที่การเดินทางเยือนวอชิงตันของผู้นำรัฐประหารของไทย คาดหมายว่าจะเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย
สหรัฐฯคือคู่ค้าทวิภาคีรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของไทย รองจากญี่ปุ่นและจีน โดยในปี 2015 การค้า 2 ทางมีมูลค่ามากกว่า 37,000 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันอเมริกายังเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ในไทย ด้วยมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2015.