“โมนิก้า รอดริเกซ” ผู้หญิงคนที่สองในสภาเมืองแอลเอ
ผลการเลือกตั้งรอบตัดสินของเมืองลอส แอนเจลิส เมื่อวันอังคารที่ 16 พ.ค ที่ผ่านมา มีผลทำให้สภาเมืองลอส แอนเจลิส มีสมาชิกสภาเมืองที่เป็นเพศหญิงเพิ่มอีกหนึ่งคน คือ โมนิก้า รอดริเกซ อดีตบอร์ดของคณะกรรมาธิการกิจการสาธารณะ ที่ได้รับชัยชนะในตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองเขต 7 โดยเอาชนะคู่แข่งคือ คาโร โทโรสเซียน แบบลอยลำ โดยก่อนหน้านี้ สภาเมืองแอลเอ ทั้ง 15 เขตนั้น มีสมาชิกสภาที่เป็นเพศหญิงเพียงคนเดียว คือ นูรี มาร์ติเนซ สมาชิกสภาเมือง เขต 6 ชัยชนะของ “ผู้หญิง” จากการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ แวนดี้ กรูเอล อดีตสมาชิกสภาเมืองเขต 2 และอดีตหัวหน้าฝ่ายคลังของเมืองแอลเอ โดยเธอกล่าวว่าเป็นเรื่องน่าอายสำหรับเมืองลอส แอนเจลิส ในฐานะเมืองใหญ่ที่ดำเนินนโยบายแบบก้าวหน้าเด่นชัดที่สุดของอเมริกา แต่มี “ผู้หญิง” อยู่ในสภาเมืองน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม ข่าวบอกว่าหากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของเมืองแอลเอ จะเห็นว่าผู้หญิงเริ่มมีบทบาทในฐานะสมาชิกสภาเมืองมาตั้งแต่ปี 1915 หรือกว่าร้อยปีมาแล้ว โดยปีนั้น เอสเทล์ ลอว์ตัน ลินซี่ ได้รับเลือกเข้าไปเป็นสมาชิกสภาเมืองแอลเอ และมีผลงานปรากฎมากมาย โดยเฉพาะในประเด็นที่ไม่เคยได้รับความสนใจจากสมาชิกสภาเมือง (เพศชาย) มาก่อน เช่นเรื่องสาธารณสุข และการเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง เพื่อทำคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง หรือคดีที่มีเหยื่อเป็นผู้หญิง เป็นต้น จนถึงยุค 1980s มีผู้หญิงได้รับเลือกเข้าไปทำงานในสภาเมืองถึงสี่คน และในช่วงเวลาสั้นๆ ของยุค 1980s สมาชิกสภาเมืองเพศหญิงเพิ่มจำนวนเป็นห้าคน แต่ในเดือนกรกฎาคม 2013 จำนวนผู้หญิงในสภาเมืองแอลเอ ลดลงเหลือศูนย์ ก่อนจะเพิ่มเป็นสองคน ในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม ข่าวบอกว่า ถึงแม้ในระดับเมือง หรือซิตี้ จะมีผู้หญิอยูในระดับบริหารน้อยก็ตาม แต่หากมองในระดับเคาน์ตี ซึ่งมีคณะบริหาร หรือ Board of Supervisors จำนวนห้าคนแล้ว แอลเอ เคาน์ตี กลับมีผู้หญิงเป็นเสียงส่วนใหญ่ คือมากถึง 4 ใน 5 คน.
|
เปลี่ยนชื่อ โคลิเซี่ยม เป็น “ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ สเตเดี้ยม”
สนามกีฬา ลอส แอนเจลิส แมมโมเรียล โคลีเซียม ซึ่งเป็น “บ้าน” ของทีมฟุตบอล ยูเอสซี โทรเจนส์ และบ้านชั่วคราวของทีม ลอส แอนเจลิส แรมส์ อาจจะได้ชื่อใหม่ โดยโฆษกของสายการบินยูไนเต็ด แถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ว่าทางยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ได้บรรลุข้อตกลงมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ กับ ยูเอสซี เพื่อเปลี่ยนชื่อของสนามกีฬาคู่เมืองแอลเอ แห่งนี้เป็น “ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ สเตเดี้ยม” เป็นเวลา 15 ปี
แม้ว่าทาง ยูเอสซี ซึ่งเป็นผู้ดูแลสนามกีฬาประวัติศาสตร์แห่งนี้ จะยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันข่าวดังกล่าว แต่เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง แม้ยอดเงินจะน้อยกว่าที่เคยมีการประเมินเอาไว้เมื่อปี 2015 ค่อนข้างมาก (270 ล้านดอลลาร์) เพราะผู้บริหาร (ซีอีโอ) ของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ออสก้าร์ มูโนซ เป็นศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้ และมีส่วนสนับสนุนสถาบันการศึกษาแห่งนี้ตลอดมา
นอกจากนี้ ทางยูเอสซี ยังต้องการเงินไม่ต่ำกว่า 270 ล้านดอลลาร์ในการซ่อมแซมและปรับปรุงสนามกีฬาอายุเกือบร้อยปีแห่งนี้ให้ทันสมัย สามารถใช้เป็นสถานที่จัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ตามที่ตั้งความหวังเอาไว้อีกด้วย
ข่าวบอกด้วยว่า การมีส่วนร่วมกับประชาชนชาวลอส แอนเจลิส ในการผลักดันให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ตัดสินใจเลือกเมืองลอส แอนเจลิส เป็นเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ของ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะ “ภาพพจน์” ของสายการบินแห่งนี้กำลังอยู่ในสภาพตกต่ำอย่างรุนแรง จากเหตุการณ์ “ลาก” ผู้โดยสารลงจากเครื่อง เพราะต้องการเอาที่นั่งให้กับเจ้าหน้าที่ของสายการบินเอง รวมถึงปฏิกิริยาของ ออสก้าร์ มูโนซ เอง ที่แสดงท่าทีเข้าข้างพนักงานโดยไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มีผลทำให้สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ กลายเป็นเป้าโจมตีจากทั่วโลกทั้งสิ้น.
|
ทลายบ่อนไก่ชน ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์
การบุกทลายบ่อนและฟาร์มเพาะพันธุ์ไก่ชนขนาดใหญ่ในเมืองเล็กๆ ชื่อ วัล เวอร์เด ทางตะวันตกของ ซานตา คลาริต้า เคาน์ตี โดยเจ้าหน้าที่เชอรีฟเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น กลายเป็นการทลายบ่อนไก่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา เพราะพบไก่ที่เจตนาเพาะพันธ์เป็นไก่ชนมากกว่า 7,000 ตัว พร้อมอาวุธสำหรับติดที่แข้งไก่อีกมากมาย (ดังภาพ) มีการคุมตัวผู้ที่อยู่ในฟาร์มเพาะไก่ชนแห่งนี้จำนวนหลายคน
ทั้งนี้ การชนไก่ ถือเป็นกีฬายอดนิยมของหลายประเทศในย่านลาตินอเมริกา ดังนั้นจึงมีการลักลอบพนันตีไก่กันอยู่ตลอดเวลาในเมือง หรือย่านที่มีชาวลาติโน่หนาแน่น แม้ว่าการตีไก่ จะเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายในทุกรัฐของอเมริกาก็ตาม เพราะถือเป็นการทารุณสัตว์อย่างรุนแรง เพราะนอกจากจะปล่อยให้ไก่ตีกันจนถึงตายแล้ว ยังมีการ “ติดอาวุธ” เช่นใบมีดหรือเหล็กแหลมที่ขาไก่อีกด้วย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสำนักงานเชอรีฟ ซานตา คลาริต้า ระบุว่าการหยุดยั้งกีฬาชนไก่ ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะไก่เหล่านี้จะถูกปล่อยให้ตีกันจนตายคาสนาม หรือหากบาดเจ็บสาหัส ก็จะไม่ได้รับการเยียวยา หรือไม่ก็ถูกโยนทิ้งให้ตายอย่างน่าสงสาร ถือเป็นการทารุณสัตว์ที่ร้ายแรง นอกจากนั้น กีฬาชนไก่ยังเป็นของคู่กับการพนันแบบผิดกฎหมาย ยาเสพติด การซื้อขายปืน เรื่อยไปจนถึงการทำร้ายร่างกายหรือฆาตกรรม ด้วย.
|
ติด “รัมเบิลสตริป” กัน “Fast & Furious” นอกจอ
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม มิทเชลล์ อิงแลนเดอร์ สมาชิกสภาเมืองเขต 12 (ในภาพ) ได้ยื่นญัตติขอความเห็นชอบจากสภาเมืองแอลเอ ให้ติดตั้งเนินลูกระนาดขนาดเล็ก (rumble strips) บนถนนบางสายในย่านซานเฟอร์นานโด้ แวลเล่ย์ ที่ถูกใช้เป็นสนามประลองความเร็วแบบผิดกฎหมายของกลุ่มวัยรุ่นเป็นประจำ
“แม้ความเร็วและเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ มันคือความตื่นเต้นในหนัง Fast & Furious แต่ในความเป็นจริง มันคือการทำลายความสงบของชุมชน และการแข่งรถแบบผิดกฎหมาย ถือว่าอันตรายอย่างร้ายแรง เพราะถนนหนทางไม่ได้ออกแบบเพื่อใช้ในเรื่องนี้” มิทเชลล์ อิงแลนเดอร์ กล่าว และว่าโครงการติดตั้งเนินลูกระนาดเล็ก ที่ถือเป็นโครงการนำร่องของเขา ใช้งบประมาณ 14,000 ดอลลาร์ ถือว่าน้อยมาก สำหรับการป้องกันการแข่งรถแบบผิดกฎหมายที่ได้ผล
โดยเนินลูกระนาดขนาดเล็ก มีลักษณะคล้ายกับลูกระนาดขนาดใหญ่ แต่จะมีผลเฉพาะรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงเท่านั้น โดยเนินลุกระนาดขนาดเล็กตามโครงการนำร่องของ มิทเชลล์ แองแลนเดอร์ จะติดตั้งบนถนน พลัมเมอร์ (Plummer Ave.) ระหว่าง คาโนก้า และโทแพงก้า แคนย่อน ซึ่งเป็นจุดที่นักแข่งรถบนถนน หรือ street racer นิยมกันมาก
โดยการแข่งรถแบบผิดกฎหมายบนถนนเส้นนี้ เคยจบลงพร้อมกับการเสียชีวิตของผู้ชมริมถนนสองคน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และทำให้ เคอร์เรน เกรย์ บาลัน คนขับรถมรณะ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 12 ปี.
|