นริศ จำรูญรัตน์ หนุ่มไทยจากกรุงเทพมหานคร วัย 33 ปี ซึ่งถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ขณะเดินทางจากประเทศไทยมาถึงสนามบินนานาชาติ ลอส แอนเจลิส ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2016 ด้วยข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร (wire fraud) และร่วมกันฉ้อโกงหลักทรัพย์ (Securities fraud) อย่างละหนึ่งกระทง ได้ยอมรับสารภาพผิดในคดีฉ้อโกงหลักทรัพย์แล้ว เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ต่อผู้พิพากษา โฮเซ่ แอล ลินาเรส แห่งศาลรัฐบาลกลาง เมืองนวร์ค (Newark)
จากข้อมูลประกอบคำฟ้องของอัยการสหรัฐฯ วิลเลี่ยม อี ฟิทซ์พาทริค ระบุว่า นริศ จำรูญรัตน์ พร้อมพวก คือ ยานีฟ เเอฟนอน วัย 26 จากกรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล และ รัน อาร์มอน วัย 45 จากเมืองโตรอนโต้ ประเทศคานาดา ได้ร่วมกันขโมยเงินไม่น้อยกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์ จากบัญชีลูกความของบริษัท นองโก้ เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหุ้นระยะสั้น แบบที่เรียกว่า day-trading ที่เกาลูน ฮ่องกง ซึ่งมีชื่อของ นริศ จำรูญรัตน์ เป็นเจ้าของ
โดยการขโมยเงินจากบัญชีของลูกความดังกล่าว มีขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม 2013 ถึง 2015 จากวิธีแยบยล เริ่มจากการสรรหาเหยื่อที่ไม่มีประสบการณ์ หรือไม่ประสบผลสำเร็จในการเล่นหุ้นมากนัก เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เปิดบัญชีกับบริษัทของตน และทำการโอนเงิน (ครั้งละประมาณพันดอลลาร์) เข้ากองทุนของบัญชีดังกล่าว แต่แทนที่จะใช้เงินในการซื้อหุ้นตามวัตถุประสงค์ของนักลงทุน นริศ จำรูญรัตน์ และผู้สมรู้ร่วมคิดกลับ “ขโมย” เงินก้อนดังกล่าวไปเป็นสมบัติส่วนตัว
หลังจากนั้น ผู้ต้องหาชาวไทยและพรรคพวก จะบอกกับเหยื่อว่า “โชคไม่ดี” การซื้อขายหุ้นไม่ได้รับผลกำไร โดยมีการส่งเอกสารซื้อขายหุ้นจำลอง แบบที่เรียกว่า simulated trading ซึ่งเป็นเอกสารซื้อขายหุ้นจำลอง (เพื่อให้นักเล่นหุ้นฝึกซื้อหรือเรียนรู้เทคนิคการซื้อขายหุ้น) โดยบอกว่าเป็นเอกสารฉบับจริงไปให้เหยื่อด้วย
โดยคำฟ้องระบุว่าการหลอกลวงของ นริศ จำรูญรัตน์ และพวกดังกล่าวนี้ มีนักลงทุนตกเป็นเหยื่อจำนวนมากกว่า 260 คนจากกว่า 30 ประเทศ โดยมีชาวอเมริกันตกเป็นเหยื่ออย่างน้อย 180 คน โดยเหยื่ออย่างน้อยหนึ่งคน เป็นคนอเมริกัน อาศัยอยู่ในนิวเจอร์ซี่ ถูกหลอกลวงเป็นเงิน 2,500 ดอลลาร์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2014 ได้เป็นพยานสำคัญในการเอาผิดหนุ่มไทยและพรรคพวกในครั้งนี้ด้วย
หลักฐานสำคัญที่อัยการนำมาใช้ประกอบในคดีนี้ คืออีเมล์ของ ยานีฟ เเอฟนอน ที่ส่งถึง นริศ จำรูญรัตน์ บอกว่าจะต้องหานักลงทุนรายใหม่โดยใช้คำว่า “เลือดใหม่” มาทดแทนเหยื่อรายที่หมดเงินไปแล้วอย่างต่อเนื่อง เพราะผลกำไรของบริษัทขึ้นอยู่กับ “เลือดใหม่” เหล่านี้
ข่าวบอกด้วยว่า ทั้ง ยานีฟ เเอฟนอน และ รัน อาร์มอน เพิ่งจะถูกตั้งข้อหาเมื่อวันพุธที่ 10 พฤษภาคม คือข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร และร่วมกันฉ้อโกงหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อหาที่มีการตั้งให้กับ นริศ จำรูญรัตน์ ตอนถูกจับกุมตัวครั้งแรก ก่อนที่จะยกเลิกข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร เพราะผู้ต้องหาชาวไทยยอมรับสารภาพ คงเหลือเพียงข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ เพียงกระทงเดียว
โดยข้อหาของ นริศ จำรูญรัตน์ นั้น ข่าวบอกว่ามีโทษจำคุกของรัฐบาลกลาง สูงสุดไม่เกินห้าปี และถูกสั่งปรับเป็นเงิน 250,000 ดอลลาร์ หรือสองเท่าของยอดเงินที่ฉ้อโก้งจากลูกค้า โดยให้เลือกปรับจากจำนวนที่สูงกว่า ส่วนข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร ของผู้ต้องหาต่างชาติอีกสองรายนั้น หากถูกตัดสินว่าผิดจริงจะมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี และปรับ 250,000 ดอลลาร์เช่นกัน
ทั้งนี้ ศาลนัดพิพากษาโทษของ นริศ จำรูญรัตน์ ในวันที่ 20 กันยายน 2017.