เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2017  คณะกรรมการองค์กรไทยนิวเยียร์ สงกรานต์เฟสติวัล และบางส่วนของคณะกรรมการจัดงานปีที่ผ่านๆ มา นำโดยประธานบอร์ดฯ ศรีวงศ์ อาญาสิทธิ์, สุรศักดิ์-วราภรณ์ วงศ์ข้าหลวง, นภดล วงศ์ชัยวัฒน์, กิริยา หิรัญพลกุล, วนิดา ศรีวรมย์, นงเยาว์ วรานนท์, มาลี เหมือนรักษา, สุจิตต์ พุ่มวิเศษ ได้เดินทางไปพบปะเพื่อหารือกับกงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ เรื่องการจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ประจำปี 2018 ซึ่งจะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่จำเป็นต้องเว้นวรรคไปถึงสองปี คือปี 2016 เพราะกระแสหวาดกลัวภัยก่อการร้าย ที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนีย บวกกับปัญหาเรื่องงบประมาณจัดงาน และในปี 2017 ที่ทางคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ระงับการจัดงาน เพื่อเป็นการถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย์เดช

โดยงานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นงานวัฒนธรรมกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ระดับ “ท็อปไฟว์” ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นงานเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมของประเทศไทย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนอกราชอาณาจักร ซึ่งเกิดขึ้นด้วยการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนไทยในลอส แอนเจลิส และเมืองใกล้เคียงนี้ โดยปกติจะมีขึ้นทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน แต่ในปี 2018 จำเป็นต้องเลื่อนเป็นวันอาทิตย์ที่สองของเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับวันที่ 8 เมษายนแทน เพราะวันอาทิตย์แรก คือวันที่ 1 เมษายน 2018 ตรงกับวันอีสเตอร์ ซึ่งถือเป็นวันสำคัญของคริสตศาสนิกชน

คณะกรรมการจัดงานฯ ได้แจ้งให้กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ทราบว่างานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ ซึ่งเกิดขึ้นเต็มพื้นที่ไทยทาวน์ บนถนนฮอลีวูด เป็นระยะทางกว่าครึ่งไมล์นี้ จะต้องใช้เงินทุนอย่างต่ำ 200,000 ดอลลาร์ โดยที่ผ่านมานั้น เงินทุนส่วนใหญ่มาจากสปอนเซอร์ คือเบียร์สิงห์ และองค์กรธุรกิจอื่นๆ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นรายได้จากการจำหน่ายบูธสินค้าและอาหารในงานประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์, จากการสนับสนุนของส่วนราชการต่างๆ เช่นสถานกงสุลใหญ่ฯ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแอลเอ ฯลฯ 20 เปอร์เซ็นต์, เงินบริจาคของธุรกิจห้างร้านในบริเวณไทยทาวน์ 10 เปอร์เซ็นต์ และรายได้อื่นๆ อีก 10 เปอร์เซ็นต์

ในส่วนของเงินบริจาคจากธุรกิจในไทยทาวน์ ซึ่งถือว่าได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อมนั้น ที่ประชุมมีการพูดคุยกันถึงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนการจัดงานให้มากขึ้น เพราะนอกเหนือจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในวันงาน จากคนที่มาเดินในงานหลายแสนคนแล้ว การแนะนำไทยทาวน์ อาหารไทย รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักของคนวงกว้าง ก็จะเป็นผลประโยชน์ในะระยะยาวของบรรดาธุรกิจไทยทั้งหลายต่อไปด้วย

นายนภดล วงศ์ชัยวัฒน์ อดีตประธานจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ครั้งที่ 2 กล่าวในประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านๆ มา นักธุรกิจในพื้นที่ยังให้ความสนับสนุนการจัดงานค่อนข้างน้อย อีกทั้งบางส่วนยังนำสินค้าต่างๆ ซึ่งปกติไม่ได้จำหน่ายในร้าน มาตั้งโต๊ะ หรือกระทั่งตั้งเต้นท์ขายแข่งกับพ่อค้าที่เช่าบูธในงานอีกด้วย ซึ่งทำให้กรรมการจัดงานต้องลำบากใจเป็นอย่างมาก

“คือทุกบูธในงานเขาเสียค่าเช่า ค่าอินชัวรันซ์ มีการขอเพอร์มิตจากเฮลท์ จากหน่วยงานต่างๆ ครบถ้วน ซึ่งเงินที่เราได้รับจากบูธพวกนี้ เราก็เอาไปซื้อโฆษณา ไปโปรโมทให้มีคนมากันเยอะๆ... ใช่ไหม แต่ร้านค้าบางร้านมาตั้งโต๊ะขายกันหน้าร้านตัวเอง ไม่มีเพอร์มิต ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ในเมื่อมันอยู่ในพื้นที่ของงานไทยนิวเยียร์ฯ ถ้าใครเป็นไรขึ้นมา มาชนโต๊ะมาหกล้ม หรือถ้าเจ้าหน้าที่ของเฮลท์ฯ เขาเห็นว่าไม่มีเพอร์มิต แต่มาขายของกินแบบนี้ มันก็ยุ่ง ก็เป็นปัญหาของเราขึ้นมา ดีไม่ดีจะปิดงานเราอีก” นายนภดล วงศ์ชัยวัฒน์ กล่าว และว่าทางที่ดี ตนอยากจะให้บรรดานักธุรกิจเหล่านี้มาร่วมกับคณะกรรมการ อย่าเป็นคู่แข่ง เพราะไม่เป็นผลดีกับใคร

“บางปีปัญหามันเยอะ จนคณะกรรมการเขาเสนอกันว่าเปลี่ยนที่จัดเถอะ ไปจัดในปาร์ค หรือไปโรสโบลว์ดีกว่า ถ้าอย่างนั้นน่ะ เงินเหลือเลย เพราะปิดถนนฮอลลีวูดจัดนี่ ค่าใช้จ่ายมันเยอะมาก จ่ายให้ซิตี้ ค่าขอปิดถนน ค่าอินชัวรันซ์ ค่าตำรวจ ค่าดับเพลิง ค่าเต้นท์ ค่าเพอร์มิตมวย ฯลฯ มันหลบไม่ได้เลย เพราะเราจัดมาเป็นสิบปีแล้ว จะแอบๆ เหมือนตอนแรกๆ ไม่ได้เลย” นายนภดล วงศ์ชัยวัฒน์ กล่าว

ในส่วนของคณะกรรมการบริหารขององค์กรไทยนิวเยียร์ฯ ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัลนั้น นางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ์ ในฐานะประธานบอร์ดฯ กล่าวว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบอร์ดเสียใหม่ เพราะต้องการหลีกทางให้กับ คนรุ่นใหม่ เข้ามารับผิดชอบมากขึ้น โดยขณะนี้ มีการมองและทาบทาม คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ หรือเคยช่วยเหลืองานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ อย่างต่อเนื่องเอาไว้แล้วหลายคน

“ตั้งใจว่าจะมีการพูดคุยกับคุณจีน่า ปรีชา นายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ ด้วย เพราะสมาคมไทยฯ ยุคนี้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเยอะมาก อาจจะเชิญให้ทางสมาคมไทยฯ เข้ามาช่วยงานแบบเต็มตัวมากขึ้นด้วย” นางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ์ กล่าว

หลังจากรับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล จากคณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการจัดงานในปีที่ผ่านๆ มาจบลงแล้ว กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ซึ่งเคยกล่าวว่าได้ยินชื่อเสียงของงานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ มานานแล้ว และรู้สึกชื่นชมชาวไทยในลอส แอนเจลิส ที่ได้ร่วมมือกันทำงานใหญ่เพื่อผลประโยขน์ของชุมชน และของประเทศไทย เช่นนี้ รวมถึงกล่าวด้วยว่า ตนเองในนามของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส และทีมประเทศไทย ยินดีจะให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ประจำปี 2018 อย่างเต็มที่ต่อไป

โดยก่อนหน้านี้ กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ เคยให้สัมภาษณ์สยามทาวน์ยูเอส ถึงแนวคิดเกี่ยวกับ “คัมแบ๊ก” อย่างยิ่งใหญ่ของงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ในปี 2018 ว่าสมควรได้รับความสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาลไทย และว่าในโอกาสที่บรรดาผู้นำชุมชน โดยส่วนใหญ่คือคณะกรรมการบริหารขององค์กรไทยนิวเยียร์ สงกรานต์เฟสติวัล จะเดินทางร่วมไปกับโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกาเยือนแผ่นดินแม่ และมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 4 กรกฎาคม นั้น ตนอยากให้บรรดาผู้นำชุมชนไทยเหล่านี้เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อจะได้นำเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ ต่อนายกรัฐมนตรี อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งตนเห็นว่าจะมี “น้ำหนัก” มากกว่า เพราะเป็นความต้องการของประชาชนชาวแอลเอ โดยแท้จริง

นอกจากนี้ กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ยังมีความเห็นว่าการจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ ในปี 2018 ควรเกิดขึ้นแบบยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้ชาวต่างชาติเห็นว่าประเทศไทยพร้อมแล้ว หลังจากที่อยู่ในช่วงถวายความอาลัยมาตลอดปี

“ผมได้ไอเดียจากการทำพิธีครอบครูดนตรีไทยที่ยูซีแอลเอ ที่มูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะเป็นแม่งาน เมื่อเดือนมีนาคม มีการรวบรวมนักเรียนนาฎศิลป์จากหลายๆ เมืองมาแสดงร่วมกัน ก็เลยคิดว่า ถ้าทำได้นะครับ เราแสดงโขนกันเป็นร้อยๆ คนเลย เอานักเรียนนาฎศิลป์จากวัดต่างๆ ทั้งวัดไทย แอลเอ, วัดป่าธรรมชาติ หรือจากซานดิเอโก้, ซานฟรานฯ เต้นกันให้เต็มถนนเลย ให้ทางมูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะเป็นผู้ฝึกซ้อม ซ้อมกันข้ามประเทศเลย เพราะเดี๋ยวนี้ระบบออนไลน์ต่างๆ มันทำได้ ซึ่งถ้าทำได้จะยิ่งใหญ่มาก เป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยกลับมาแล้ว พร้อมแล้ว หลังจากที่เราอยู่ในช่วงไว้อาลัยมาพักใหญ่” กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ กล่าว.