เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน นักเทนนิสสาวที่ทำเงินสูงสุดของวงการอย่าง มาเรีย ชาราโพว่า ก็จะได้ฤกษ์กลับสู่การแข่งขันอีกครั้ง

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว อดีตนักหวดสาวมือ 1 ของโลกชาวรัสเซีย ออกมาช็อกโลกด้วยการแถลงข่าวยอมรับว่าไม่ผ่านการตรวจสารต้องห้าม เมลโดเนียม ระหว่างการแข่งขันแกรนด์สแลมแรกของปี ออสเตรเลียน โอเพ่น

มาเรียยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาโด๊ปยา เพราะใช้สารตัวนี้เพื่อช่วยรักษาอาการเกี่ยวกับหัวใจมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่เนื่องด้วย องค์การต่อต้านสารต้องห้ามโลก (วาด้า) เพิ่งประกาศให้เมลโดเนียมเป็นหนึ่งในตัวยาที่ผิดกฎเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2016 ตัวเธอและทีมงานไม่ได้เช็กให้ละเอียดจึงพลาดพลั้งไป

แม้ว่าจะมีข้อมูลว่า นักกีฬาจากรัสเซียใช้สารตัวนี้กันอย่างแพร่หลาย และเชื่อว่าบางส่วนจงใจใช้เพื่อโด๊ปเพราะเมลโดเนียมช่วยเรื่องเพิ่มความอึดให้ร่างกาย แต่ทางวาด้าเองก็ยอมรับว่า ยังไม่มีหลักฐานระบุได้ชัดเจนว่าสารตัวนี้จะตกค้างในร่างกายนานเท่าใด จึงยกประโยชน์ให้นักกีฬาหลายคนที่ถูกตรวจพบในช่วงต้นๆ ปี

แต่กรณีของมาเรียต่างออกไป เพราะเจ้าตัวชิงออกมาแถลงด้วยตัวเองยอมรับว่าใช้จริง แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงต้องรับโทษไปตามระเบียบ

แรกสุดนั้น มาเรียโดน สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) ลงโทษแบน 2 ปี แต่นักหวดสาวสวยยื่นอุทธรณ์ต่อ ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) จนได้ลดโทษเหลือ 15 เดือน และจะพ้นโทษในวันที่ 26 เมษายนนี้

ไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้ว่า นอกจากตัวมาเรียเองและแฟนๆ จะเฝ้ารอการคัมแบ๊กครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อแล้ว บรรดาสื่อและฝ่ายจัดการแข่งขันแต่ละรายการต่างก็นั่งนับวันรอไม่ต่างกัน

เพราะอย่างไรเสีย มาเรียก็ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดแฟนๆ และสื่อทั่วโลกได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่วงการสักหลาดหญิงแทบไม่มีซุปเปอร์สตาร์เป็นเรื่องเป็นราว และ เซเรน่า วิลเลียมส์ คงพักยาวเนื่องจากอยู่ระหว่างตั้งครรภ์

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ฝ่ายจัดการแข่งขันหลายรายการจะแย่งกันหยิบยื่น “ไวลด์การ์ด” หรือสิทธิเข้าร่วมแข่งขันอัตโนมัติให้กับมาเรีย เพราะการห่างวงการไปนานทำให้อันดับโลกของมาเรียหลุดจากสารบบ การจะเข้าร่วมแข่งขันได้นั้นต้องผ่านการเล่นรอบคัดเลือกเสียก่อน

แต่ตอนนี้มาเรียมีไวลด์การ์ดที่การันตีแล้วว่าจะสามารถแข่งขันที่สตุ๊ตการ์ต, มาดริด และโรม โดยไม่ต้องเล่นรอบคัดเลือก และอาจจะได้สิทธิร่วมแข่งแกรนด์สแลม เฟร้นช์ โอเพ่น และ วิมเบิลดัน แบบผ่านฉลุยเช่นกัน

ที่เป็นประเด็นปัญหาสักหน่อยคือรายการ พอร์ช เทนนิส กรังด์ปรีซ์ ที่สตุ๊ตการ์ต ระหว่างวันที่ 24-30 เมษายน เนื่องจากวันที่ทัวร์นาเมนต์เปิดฉากนั้น มาเรียยังไม่พ้นโทษแบน ทำให้นักเทนนิสหญิงหลายคนออกมาให้สัมภาษณ์อย่างไม่พอใจ

ไม่ว่าจะเป็น อังแกลิค แคร์เบอร์, แคโรไลน์ วอซนิอัคกี้, โดมินิก้า ชิบุลโคว่า, อลิเซ่ กอร์เน่ต์ หรือแม้แต่มือ 1 ของโลกฝ่ายชายอย่าง แอนดี้ เมอร์เรย์ ก็ยังร่วมวงแสดงความเห็นด้วย

ทิศทางความคิดเห็นส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการพอร์ช เทนนิส กรังด์ปรีซ์ (ซึ่งรถยนต์พอร์ชเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์หลักของมาเรีย) เพราะมองว่าไม่แฟร์กับนักเทนนิสคนอื่นๆ และการโดนจับโด๊ปก็ไม่ต่างอะไรกับคนโกง จึงไม่ควรได้สิทธิพิเศษเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขณะที่ บาร์บาร่า สตรายโคว่า ซึ่งเคยโดนลงโทษแบนเช่นกัน มองว่ามาเรียควรต้องกลับมาเริ่มต้นจากศูนย์เหมือนกับคนที่โดนลงโทษมาแล้วคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนอีกส่วนก็มองว่าเป็นธรรมดาที่ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องอยากได้นักหวดแม่เหล็กอย่างมาเรียไปร่วมแข่ง เช่น เพื่อนร่วมชาติรัสเซีย สเวตลาน่า คุซเนตโซว่า ซึ่งหนุนหลังมาเรียเต็มที่ ขณะที่ ซิโมน่า ฮาเล็ป อดีตมือ 2 ของโลกชาวโรมาเนีย มองว่า ด้วยดีกรีอดีตมือ 1 ของโลกและอดีตแชมป์แกรนด์สแลม 5 สมัย ต่อให้ไม่ได้ไวลด์การ์ด เดี๋ยวมาเรียก็ต้องไต่อันดับกลับมาได้อยู่ดี

ส่วน คริส เอฟเวิร์ต ตำนานสักหลาดชาวอเมริกัน มองโลกอย่างเข้าใจว่า ฝ่ายจัดย่อมอยากให้คนที่ดึงดูดแฟนๆ ได้มากอย่างมาเรียมาร่วมแข่งขัน และที่ผ่านมาเธอก็ชดใช้โทษไปแล้วตามกฎ จึงมองว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร

ด้าน เกร็ก รูเซดสกี้ อดีตนักเทนนิสเมืองผู้ดีซึ่งปัจจุบันผันตัวไปเป็นผู้บรรยายเกมร่วมแสดงทรรศนะว่า เข้าใจมุมมองของทั้งสองฝ่าย แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีกฎข้อบังคับตายตัวว่า คนที่โดนลงโทษแบนห้ามทำอะไรหรือต้องทำอะไร ก็เป็นสิทธิของมาเรียที่จะทำได้

เพราะในท้ายที่สุดเทนนิสก็เป็นธุรกิจและความบันเทิงอย่างหนึ่งซึ่งได้รับความสนใจมากเท่าไรก็ยิ่งดี