เมื่อวันที่ 23 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 24 เมษายน เวลา 14.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะบุคคลสำคัญประกอบด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เพื่อไปยังท่าอากาศยานนานาชาติบาห์เรนตามกำหนดเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายนนี้
ทั้งนี้การเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนครั้งนี้นับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคตะวันออกกลางที่นายกฯจะเดินทางเยือน และถือเป็นโอกาสดี เนื่องจากปี 2560 เป็นปีครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและบาห์เรน สำหรับวัตถุประสงค์ของการเยือนครั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบาห์เรนและเพิ่มพูนความร่วมมือในมิติที่สำคัญ การผลักดันความร่วมมือที่สำคัญให้มีความคืบหน้า เช่น ด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ด้านสาธารณสุข และด้านสังคม เป็นต้น โดยจะมีการหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ในภูมิภาคของทั้งสองประเทศด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับภารกิจสำคัญในการเยือนครั้งนี้ ได้แก่ การเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน และหารือข้อราชการกับเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างการเยือนนายกฯทั้งสองฝ่ายจะร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามเอกสาร 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการเทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร 2.พิธีสารแก้ไขอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และ 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กับมหาวิทยาลัยบาห์เรน
โดยกำหนดการเยือนราชอาณาจักรบาห์เรน มีรายละเอียดดังนี้คือ วันที่ 25 เมษายน เวลา 11.00 น. นายกฯเดินทางถึงพระราชวัง Al Gudaibiya และจะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ (การเคารพธงชาติ และการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ) ต่อมาเวลา 11.15 น. นายกฯหารือข้อราชการกับนายกฯบาห์เรน จากนั้นนายกฯและนายกฯบาห์เรนเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ เวลา 12.30 น. นายกฯเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่นายกฯแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนทรงเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯ และคณะ ในช่วงบ่ายนายกฯจะเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรน ในช่วงค่ำนายกฯ และคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงมานามา และจะเดินทางถึงประเทศไทยในวันพุธที่ 26 เมษายน เวลา 08.20 น.โดยประมาณ