ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนหลายประเทศในเอเชีย เริ่มต้นจากเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น แล้วต่อด้วยอินโดนีเซีย โดยระหว่างการเยือนสำนักงานใหญ่ของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในกรุงจาการ์ตา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน เขาได้ประกาศข่าวที่สร้างความประหลาดใจว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำในภูมิภาคนี้ 3 เวทีในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
การประชุมที่ทรัมป์จะมาเข้าร่วมด้วยตนเองประกอบด้วย การประชุมสหรัฐ-อาเซียน และการประชุมอีสต์เอเชีย ที่ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ กับการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เวียดนาม
อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งชูนโยบายปักหมุดเอเชีย เคยมาเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหลายครั้ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปรับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ หันมาให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้มากขึ้น เพื่อทัดทานการแผ่อิทธิพลของจีน ในขณะที่ทรัมป์กลับโอ่โวหาร "อเมริกาต้องมาก่อน" และตัดสินใจสละเรือธงความตกลงหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก (ทีพีพี) ที่เป็นแกนหลักของการปักหมุดด้านเศรษฐกิจในสมัยของโอบามา
รองประธานาธิบดีเพนซ์กล่าวว่า การมาร่วมประชุมของทรัมป์เป็นสัญญาณที่แสดงถึงพันธกิจที่หนักแน่นและแน่วแน่ของสหรัฐ ที่จะสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งที่เราต่างร่วมแบ่งปันกันอยู่แล้ว
การประชุมอีสต์เอเชียซัมมิตที่ฟิลิปปินส์นั้น ประเทศที่เข้าร่วมนอกจาก 10 ชาติอาเซียนและสหรัฐแล้ว ยังรวมถึงรัสเซียและจีนด้วย ส่วนเวทีเอเปกนั้นกว้างขึ้น โดยรวม 21 ประเทศสองฟากฝั่งแปซิฟิก
รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า คำประกาศของเพนซ์ถือเป็นการส่งสัญญาณล่าสุดว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นต้องการคลายความวิตกกังวลของประเทศพันธมิตรของสหรัฐต่อถ้อยคำโวหารที่มักชวนทะเลาะของทรัมป์
ระหว่างการเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพนซ์ยังได้ลดทอนน้ำหนักของวาทกรรมเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของทรัมป์ และย้ำว่าสหรัฐยังยึดมั่นต่อสนธิสัญญาด้านความมั่นคงที่สหรัฐทำไว้กับสองประเทศนั้น ในช่วงยามที่มีความตึงเครียดมากขึ้นจากปัญหาโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ก่อนเดินทางออกจากญี่ปุ่นเมื่อวันพุธ เพนซ์ย้ำว่าสหรัฐยังยึดมั่นต่อพันธกิจในการยับยั้งความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
สำหรับอินโดนีเซีย ซึ่งมีความกังวลต่อนโยบายกีดกันคนเข้าเมืองของทรัมป์ที่ถูกมองว่าพุ่งเป้าประเทศมุสลิม เพนซ์ได้กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ชื่นชมอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ว่าการยึดแนวทางอิสลามสายกลางของอินโดนีเซียเป็นแรงบันดาลใจต่อโลก
"ประเทศของท่านก็เหมือนประเทศของผม คือศาสนาสร้างความเป็นเอกภาพ ไม่ใช่สร้างความแตกแยก" เพนซ์กล่าว
เพนซ์ยังกล่าวถึงประเด็นด้านเศรษฐกิจด้วย โดยกล่าวว่ารัฐบาลของเขาต้องการทำการค้ากับอินโดนีเซียแบบที่มีความยุติธรรมกว่านี้
อินโดนีเซียเป็น 1 ใน 16 ประเทศที่กำลังถูกทบทวนนโยบาย ในฐานะประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ ข้อมูลอย่างเป็นทางการของกระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซียระบุว่า ปี 2559 มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐกับอินโดนีเซียอยู่ที่ 23.44 พันล้านดอลลาร์ โดยอินโดนีเซียเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 8.84 พันล้านดอลลาร์.