เมื่อวันที่ 18 เมษายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยแพร่รายงานครึ่งปีเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยปรับเพิ่มการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ 3.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์จากที่ไอเอ็มเอฟเคยคาดการณ์ไว้ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่คาดว่าในปี 2561 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ 3.6 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2565 อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟเตือนว่าเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวและกำลังขับเคลื่อนดีขึ้นอาจจะเผชิญการคุกคามจากปัจจัยต่างๆ ที่อาจกัดกร่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกีดกันทางการค้า ที่อาจจะนำไปสู่การทำสงครามทางการค้า นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าห่วงกังวลหลายประการที่อาจมีผลฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก อาทิ การลดกฎระเบียบทางการเงิน การถอยห่างจากระบบการค้าพหุภาคี การควบคุมการอพยพที่ถือเป็นนโยบายชิ้นโบว์แดงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ เบร็กซิท ที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

ไอเอ็มเอฟยังปรับเพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจของยูโรโซนว่าในปีนี้จะขยายตัว 1.7 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์จากการประมาณการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่จะชะลอตัวลงในปี 2561 ที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 1.6 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งจะมีขึ้นในหลายประเทศของยุโรป กอปรกับความไม่แน่นอนของความสัมพันธ์ระหว่างอียูกับอังกฤษกรณีของเบร็กซิท ก็อาจส่งจะผลกระทบอย่างสำคัญต่อเศรษฐกิจของยูโรโซน

ส่วนของเศรษฐกิจจีน ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนว่าในปีนี้จะขยายตัว 6.6 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2561 จะขยายตัว 6.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการประมาณการเศรษฐกิจจีนของไอเอ็มเอฟก่อนหน้านี้เช่นกัน แต่ไอเอ็มเอฟก็เตือนว่าเศรษฐกิจจีนอาจเผชิญปัญหาที่รุนแรงในระยะยาวได้ เว้นแต่จีนจะลดการพึ่งพาการปล่อยสินเชื่อด้านการลงทุนลง