ทนายความ เจฟฟรีย์ ได้บอกว่าประเทศสหรัฐอเมริกานี้ ได้บัญญัติกฏหมายเพื่อให้โอกาสกับลูกหนี้ที่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน ที่มีการจดทะเบียนประกอบธุรกิจภายในประเทศ ได้สามารถมีโอกาสฟื้นฟูกิจการของตน
รวมทั้งการให้ความคุ้มครองลูกหนี้ มิให้ถูกเจ้าหนี้เรียกร้องทรัพย์สินคืน
ในขณะที่ลูกหนี้อยู่ในช่วงระยะเวลาของการฟื้นฟูกิจการ หรือกำลัง "ลุกขึ้นยืน" อีกครั้ง ภายใต้ฏหมายที่มีชื่อว่า "กฏหมายล้มละลาย" ค่ะ
ความเป็นมาของกฏหมายล้มละลายของ
ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ได้มีรากฐานมาจากกฏหมายของประเท
ศอังกฤษที่ได้บัญญัติไว้ในราวปร
ะมาณศตวรรษที่ 16 ซึ่งได้แนวคิดจากการที่ลูกหนี้มั
กหลบหลีกการชำระหนี้และต้องโทษจำ
คุกในที่สุด หลังจากนั้นต่อมาในตอนต้นของศตว
รรษที่ 18 จึงได้เริ่มเกิดแนวคิดเกี่ยวกับ
การดำเนินการเรื่องหนี้สิน โดยศาลได้ให้โอกาสลูกหนี้ ได้สะสางหนี้โดยการผ่อนผันการชำ
ระคืนหนี้ได้บางส่วน เพราะลำพังการใช้บทลงโทษโดยการต้
องติดคุก เพราะการติดหนี้ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับลูกหนี้เลย ดังนั้นศาลจึงได้ออกกฏหมายเพื่อ
ให้ความคุ้มครองลูกหนี้ ขณะเดียวกับที่สนับสนุนส่งเสริม
การแก้ปัญหาที่เกี่ยวการเงินให้
กับลูกหนี้ไปในเวลาเดียวกัน ( legal-dictionary-
thefreedictionary.com/bankruptcy) และนั่นเอง จึงเป็นที่มาของกฏหมายล้มละลายที่
ได้รับการบัญญัติขึ้นในประเทศสห
รัฐอเมริกา ซึ่งประกอบไปด้วยบทบัญญัติจำนวน
ทั้งสิ้น 8 บท แต่บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับแน
วทางการเลือกปฏิบัติของลูกหนี้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการล้มละลายแ
ล้วมีเพียง
3 บทเท่านั้น คือ บทบัญญัติที่ 7 (Chapter 7 ) หรือ แช๊ปเตอร์ 7
บทบัญญัติที่ 11 (Chapter 11) หรือ แช๊ปเตอร์ 11 และบทบัญญัติที่ 13
(Chapter 13) หรือ แช๊ปเตอร์ 13 โดยที่กระบวนการทั้งหมดนั้นจะเริ่
มต้นเมื่อลูกหนี้ ที่กำลังจะล้มละลายไปยื่นคำร้อง
ต่อศาลเพื่อขอความคุ้มครอง
ซึ่งหากศาลรับฟ้อง ลูกหนี้รายนั้นๆ จะอยู่ในภาวะที่เรียกว่า " Automatic
Stay " หรือ การได้รับความคุ้มครองทางกฏหมาย
ทันที ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เจ้าหนี้ทุกรายจะไม่มีสิทธิเรีย
กร้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไ
ด้ จากนั้นเมื่อขั้นตอนนี้ได้ถูกดำ
เนินการให้เจ้าหนี้ได้รับรู้แล้
ว
ลูกหนี้จึงสามารถเลือกปฏิบัติตา
มบทบัญญัติของกฏหมายล้มละลาย 3 บทข้างต้นได้ โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสมกับส
ถานภาพ และความจำเป็นของลูกหนี้แต่ละรา
ย
โดยแต่ละบทบัญญัตินั้นก็จะมีลัก
ษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป และมีอะไรกันบ้างมาทำความรู้จัก
กันค่ะ
1. บทบัญญัติที่ 7 (Chapter 7) หรือ แชปเตอร์ 7 ซึ่งบริษัท หรือบุคคลที่ล้มละลายในสหรัฐอเม
2. บทบัญญัติที่ 11 (Chapter 11) หรือ แช๊ปเตอร์ 11 โดยทั่วไปแล้ว
บริษัทที่เลือกบทบัญญัติที่ 11 นั้นหมายถึงการที่บริษัทนั้นมีความประสงค์จะขอฟื้นฟูกิจการของตน โดยหยุดพักการชำระหนี้ไว้ชั่วคราวภายใต้การดำเนินงานปกติในเบื้องต้น ภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้บริษัทเข้าสู่กระบวนการล้มละลายแล้ว บริษัทจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ โดยศาลจะพิจารณาว่ามีเหตุผลสมควรหรือไม่ที่ลูกหนี้ควรมีโอกาสที่จะได้รับการฟื้นฟูกิจการ หากมีเหตุผลสมควร ศาลจะสั่งให้ลูกหนี้นั้นฟื้นฟูกิจการ โดยเริ่มตั้งแต่การแต่งตั้ง ผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการให้เป็นผู้ร่าง และเสนอแผนเพื่อขอความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ รวมทั้งขอให้ศาลรับรองแผน เพื่อให้สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง จนกว่าเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้คืน จึงถือเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการที่กำหนดไว้ตามแผน ลูกหนี้ก็สามารถกลับเข้ามาบริหารกิจการได้ตามปกติต่อไป แต่บทบัญญัติที่ 11 นี้ มีลักษณะที่น่าสนใจบางประการ นั่นก็คือเมื่อศาลรับฟ้องแล้ว ศาลพิจารณาเห็นว่าบริษัทลูกหนี้มีพฤติกรรมเป็นที่น่าเชื่อถือ ไม่มีเจตนาฉ้อฉล อาจไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามาบริหารจัดการ หรือก็คือลูกหนี้ยังเป็นผู้ที่มีอำนาจในการบริหารจัดการบริษัทของตนต่อไป (Debt in Possesion)
อย่างไรก็ตามในระหว่างการทำแผนฟื้นฟูกิจการ หากลูกหนี้มีเจ้าหนี้รายใหม่เพิ่มขึ้นมา เจ้าหนี้ใหม่ก็จะมีสิทธิเหนือเจ้าหนี้เดิม โดยเจ้าหนี้ใหม่นั้น จะได้รับการชำระหนี้คืนก่อนเจ้าหนี้เดิม นอกจากนี้ กฏหมายของสหรัฐอเมริกายังให้ความคุ้มครองแก่ลูกหนี้ในช่วง 120 วันแรกที่ศาลได้รับคำฟ้องมิให้เจ้าหนี้มาเรียกร้องหรือทวงถาม โดยคุ้มครองให้ลูกหนี้เท่านั้นที่จะมีสิทธิทำแผนฟื้นฟูกิจการได้
3. บทบัญญัติที่ 13 ( Chapter 13 ) หรือ แชปเตอร์ 13 ในภายใต้บทบัญญัติที่ 13 นี้ คือการที่ลูกหนี้สามารถขอผ่อนผันจ่ายชำระหนี้เป็นบางส่วนได้ ภายในระยะเวลา 3-5 ปี โดยไม่ต้องมีผู้พิทักษ์ทรัพย์มาดูแล และแบ่งแยกขายทรัพย์สินของตน เหมือนกับลูกหนี้ที่เลือกบทบัญญัติที่ 7 ทั้งนี้ ยังอยู่ในดุลยพินิจของศาลต้องให้ความเห็นชอบก่อนว่า ลูกหนี้รายนั้นๆ ยังพอจะมีความสามารถในการชำระหนี้บางส่วนได้หรือไม่ ดังนั้นบทบัญญัติที่ 13 จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับลูกหนี้ที่กำลังคิดที่จะเลือกบทบัญญัติที่ 7 เพียงแต่บทบัญญัติที่ 13 จะเหมาะสมกับลูกหนี้ที่มีรายได้ประจำอยู่ ( Wage Earner) และมีมูลค่าหนี้ไม่สูงมากนัก และนั่นคือสาระน่ารู้ของกฏหมายล้มละลาย ที่เราได้นำมาฝากคุณผู้อ่านฉบับนี้กันนะคะ
และในตอนท้ายของคอลัมน์นี้ ทนายความเจฟฟรีย์ ยังได้ฝากแง่คิดกับผู้ที่ล้ม
แล้วอาจกำลังคิด " ท้อแท้ " ว่า การยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นบุคคลล้มละลาย หรือบริษัทล้มละลายก็ดี ถือเป็นเรื่องปกติมาก ซึ่งสามารถพบเห็นได้จากผู้ที่มีชื่อเสียงมากมายในสหรัฐอเมริกา
ไม่เว้นแม้แต่บริษัทขนาดใหญ่ และธุรกิจต่างๆ แม้กระทั่ง ประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมพ์ ที่เคยบริหารกิจการมา ต่างก็เคยยื่นคำร้องภายใต้บทบัญญัติที่ 11 มาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้น หากคุณผู้อ่านท่านใดกำลังประสบภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อจะได้ลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง อย่ารีรอค่ะ เพราะอย่างน้อยทางสำนักงานกฏหมาย เจฟฟรีย์ ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำผู้ที่เดือดร้อนเรื่องหนี้สินทุกท่าน เพียงโทรนัดหมายเพื่อขอคำปรึกษากับทนายความ Jeffrey C.
Jackson ได้ที่ 323-702-0788 เท่านั้นค่ะ