เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานว่า หลังจากที่กรธ.ส่งมอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองให้กับทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาในวันที่ 18 เมษายนแล้ว ทางกรธ.ก็จะเริ่มทยอยพิจารณากฎหมายที่เหลืออีก 8 ฉบับ โดยตั้งใจว่าจะพิจารณาเฉลี่ยเดือนละ 1 ฉบับเท่ากับว่า 8 เดือน 8 ฉบับ ซึ่งกฎหมายที่คิดว่าน่าจะพิจารณาได้เร็ว เพราะมีการพิจารณามา 2-3 รอบแล้ว ประกอบด้วย ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งนี้ก็อาจมีความเป็นไปได้ว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ กรธ.อาจจะนำพิจารณาเร็วขึ้น
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า เหตุผลเพราะช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านพ้นจากตำแหน่งไป ประกอบกับก่อนหน้านี้มีคำสั่งมาตรา 44 เกี่ยวกับการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีบุคคลใหม่เข้ามาทำหน้าที่ คุณสมบัติเพิ่มขึ้น บทบาทเปลี่ยนไปตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นกฎหมายลูกศาลรัฐธรรมนูญก็ควรมีไว้ให้เขาได้ใช้เลย เพื่อจะได้ทำงานง่ายขึ้น หากกฎหมายลูกยังไม่ออกเขาก็คงทำงานยาก จึงมีความเป็นไปได้ว่าหลังจาก ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาเสร็จก็อาจจะพิจารณา กฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญต่อทันที แต่เบื้องต้นคงต้องดูสถานการณ์ก่อน ส่วนกรณีที่มีหัวหน้าพรรคบางพรรคออกมาระบุว่าสนช.ต้องมีการปรับแก้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น ตามหลักการทางสนช.สามารถดำเนินการปรับแก้ไขได้อยู่แล้ว ส่วนกรธ.ก็มีหน้าที่ชี้แจงเหตุผลว่าเพราะอะไรเราจึงได้ยกร่างกฎหมายแบบนี้ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นอำนาจหน้าที่ของทางสนช.