เมื่อเวลา 00.40 น. วันที่ 13 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบช.ภ. 1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส. 4 เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง นำตัวน.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 939/2560 ลงวันที่ 12เมษายน ในฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม
โดยทันทีที่มาถึงทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหารายนี้ไปยังห้องประชุมชิวปรีชา เพื่อทำการสอบปากคำ ตรวจร่างกาย โดยมีพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส รองผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี ผบก.ปคบ.พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผบก.ป. พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนกองปราบปราม พนักงานสอบสวนบก.ปคบ.และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมทำการสอบปากคำ ทันที
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่น.ส.พสิษฐ์ ถูกนำตัวมาถึงก็มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งแสดงความไม่พอใจพูดทำนองด่าทอว่าโกงเงินไปทำไม ซึ่งเจ้าหน้าที่ขอให้สงบสติอารมณ์
หลังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ออกหมายจับนางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริหารบริษัทเวลล์ เอฟเวอร์ ผู้จัดทัวร์ญี่ปุ่น ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังสอบปากคำซินแสโชกุน หลังเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวมาจากจังหวัดระนองเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่กองปราบปรามเมื่อเวลา 22.30 น. และจนกระทั่งถึงเวลา 00.20 น. ว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ขอศาลออกหมายจับ ซินแสโชกุนในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนเพียงข้อหาเดียว ส่วนข้อหาอื่นๆ รวมทั้งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังไม่ได้มีการขอศาลอนุมัติหมายจับ
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน และขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่น ส่วนตัวยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงของซินแสโชกุนในลักษณะแอบอ้างสถาบัน ยืนยันหากพบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังหรือบ่งการ ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้เสียหายกว่า 2 พันคนที่ถูกฉ้อโกง ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะมีการซักถามต่อที่กองบังคับการปราบปราม จากนั้นจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งในคืนนี้
ด้าน ซินแสโซกุน ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทิ้งลูกทัวร์หรือต้องการหลบหนี แต่ที่เดินทางไปที่จังหวัดระนองเนื่องจากต้องการไปรวบรวมทรัพย์สินเพื่อนำมาคืนให้ผู้เสียหายต่อไป