สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ละทิ้งวาทกรรมต่อต้านจีนอันเป็นเครื่องหมายการค้า โดยกล่าวเชิดชูความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน หลังสิ้นสุดการประชุมหารือของ 2 ผู้นำชาติมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของโลก ที่มาร์-อา-ลาโก รีสอร์ทสไตล์สเปนของนายทรัมป์ ที่เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 เมษายน
“เราได้สานความสัมพันธ์กับจีนอย่างคืบหน้าไปมาก” นายทรัมป์กล่าว และว่า “ผมคิดว่ามีความก้าวหน้าอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความสัมพันธ์ที่โดดเด่นมาก”
ข่าวระบุว่า ผู้นำทั้ง 2 หวังว่าจะบรรลุข้อตกลงเรื่องการค้าและการสร้างงาน และสร้างความสัมพันธ์ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยราบรื่นนักจากการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรงผ่านวาทกรรมโจมตีกัน ให้แน่นแฟ้นใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
การหารือของผู้นำทั้ง 2 ชาติที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 เมษายน ถูกบดบังด้วยประเด็นด้านนโยบายต่างประเทศที่ตึงเครียดอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ การโจมตีของสหรัฐใส่ฐานทัพอากาศของซีเรียเพื่อเป็นการตอบโต้ที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีเข้าใส่พื้นที่ครอบครองของฝ่ายต่อต้าน
นายทรัมป์เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ต้องการยกประเด็นเรื่องความกังวลที่มีต่อวิธีปฏิบัติทางการค้าของจีนขึ้นมาหารือ และเรียกร้องให้นายสีทำอะไรมากกว่านี้ในการควบคุมความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ในการพบปะหารือกับผู้นำจีนเป็นครั้งแรก แม้คาดว่าจะไม่มีการบรรลุข้อตกลงสำคัญในทั้ง 2 เรื่องก็ตาม
ขณะที่ฝ่ายผู้นำจีนนั้น วาระสำคัญที่สุดในการประชุมหารือครั้งนี้ คือแผนการลงทุนที่จะสร้างงานกว่า 700,000 ตำแหน่งในสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับที่คู่แข่งของจีนในภูมิภาคเอเชียอย่างญี่ปุ่น ให้สัญญาไว้ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่นเดินทางเยือนสหรัฐเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ข่าวระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายทรัมป์ยังได้ตอบรับคำเชิญให้เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการของนายสีด้วย