ปิดถนนทั่วเมืองรับ แอลเอ มาราธอน
วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคมที่จะถึงนี้ เมืองลอส แอนเจลิส จะมีมหกรรมการแข่งขันวิ่งมาราธอน รายการใหญ่ “แอลเอ มาราธอน” ครั้งที่ 32 ซึ่งจะมีนักกีฬาจากทั่วทุกรัฐ และอีก 63 ประเทศเข้าร่วมกว่า 24,000 คน โดยบรรดานักกีฬาเหล่านี้ จะตั้งต้นกันที่ ดอจเจอร์ สเตเดี้ยม และนักวิ่งชุดแรกจะถูกปล่อยตัวในเวลา 06.30 น. เพื่อไปเข้าเส้นชัยที่เมืองซานตามอนิก้า (Ocean Avenue and California Avenue) ด้วยระยะทาง 26.2 ไมล์
แอลเอ มาราธอน ซึ่งจะใช้เวลาในการแข่งขันเกือบทั้งวัน ทำให้มีการปิดถนนที่ใช้เป็นเส้นทางวิ่ง รวมถึงถนนรายรอบเส้นทางวิ่งเป็นจำนวนมาก โดยจะเริ่มปิดถนนตั้งแต่เวลาเช้ามืด (03.15 น.) ของวันเสาร์ และจะเปิดให้สัญจรตามปกติหลังจากขบวนนักกีฬาวิ่งผ่านไป โดยจะเริ่มเปิดถนนในย่านดาวน์ทาวน์ (จุดเริ่มต้น) ในเวลาประมาณ 10.15 น. ของวันอาทิตย์ โดยในวันดังกล่าว บริการขนส่งมวลชน (เมโทร) จะเพิ่มบริการรถไฟไปยังซานตามอนิก้ามากขึ้น โดยสถานีซานตามอนิก้า (Downtown Santa monica) อยู่ห่างจากเส้นชัยของแอลเอมาราธอน หกบล็อค
ส่วนผู้ใช้บริการรถเมล์นั้น ขนส่งเมโมร แจ้งว่าการปิดถนนอาจทำให้มีการเปลี่ยนเส้นทางวิ่ง ดังนั้นผู้ใช้บริการรถเมล์ ควรเผื่อเวลาในการเดินทางมากกว่าปกติด้วย
นอกจากนั้น แผนกขนส่งมวลชนของเมืองทุกเมืองที่อยู่ในเส้นทางการวิ่ง ได้ออกประกาศห้ามจอดรถตลอดแนวถนนที่ใช้เป็นเส้นทางการแข่งขันตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ โดยระบุชัดเจนว่าจะทำการลากรถที่อยู่ในเส้นทางทุกคัน โดยไม่มีการละเว้น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของนักกีฬา และกองเชียร์นั่นเอง
โดยรายละเอียดของการปิดถนน สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ www.lamarathon.com หรือ trafficinfo.lacity.org.
|
เปลี่ยน LA Pride Parade เป็น “เดินขบวนประท้วง”
LA Pride Parade หรือพาเหรดเกย์ บนถนนซานตามอนิก้า ย่านเวสท์ ฮอลลีวูด ซึ่งปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายนนั้น จะมีการเปลี่ยนโฉมจากพาเหรดสายรุ้งอันสนุกสนาน มาเป็นการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องสิทธิ์อันเท่าเทียมของชุมชน แอลจีบีที แทน
“แทนที่จะเป็นการเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนาน เราจะถอยกลับไปสู่รากของเรา นั่นคือการขัดขืนแรงกดดันของผู้ที่กำลังริดรอนสิทธิ์ของเรา และขัดขืนบรรดานักการเมืองที่กำลังทำให้เราเป็นพลเมืองชั้นสอง” ผู้จัด LA Pride Parade กล่าว
LA Pride Parade มีขึ้นครั้งแรกในปี 1970 ท่ามกลางแรงต้านของผู้รักษากฎหมายในยุคนั้น โดยอ้างว่าไม่มีกำลังเพียงพอในการดูแล จึงเกรงว่าผู้เข้าร่วมพาเหรดจะถูกทำร้ายร่างกาย แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี และหลังจากที่เปลี่ยนไปจัดในเมืองเวสท์ ฮอลีวูด พาเหรดเกย์ของเมืองแอลเอ ก็ได้ขยายตัวขึ้นจนกลายเป็นพาเหรดขนาดใหญ่ มีผู้เข้าร่วมจากทุกสารทิศมากขึ้นทุกปี
ผู้จัดบอกว่า การเดินขบวนในวันที่ 11 มิถุนายน จะใช้ชื่อว่า “Resist March” โดยมีแรงบันดาลใจจาก Women’s March ที่มีขึ้นทั่วโลกหลังจากวันสาบานตัวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ยืนยันว่าการเดินขบวนของชุมชน แอลจีบีที ที่เชื่อว่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวันดังกล่าว ไม่ใช่การประท้วงประธานาธิบดีทรัมป์ แต่เป็นการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมที่กลุ่มคนรักร่วมเพศสมควรได้รับเท่านั้น โดยจะตั้งต้นบริเวณสี่แยกถนนฮอลลีวูดและไฮแลนด์ แล้วเดินไปยังเมืองเวสท์ ฮอลลีวูด
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในงาน LA Pride Parade ทั้งบนถนนและในเวสท์ ฮอลลีวูด พาร์ค ยังจะมีเหมือนเดิม รวมถึง “มหกรรมดนตรี” ของบรรดานักร้อง และวงดนตรีที่มีชื่อเสียง ด้วย แต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้จัดอาจจะต้อง “ลดขนาด” ของงานลง เพราะสวนสาธารณะที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง.
|
“ควีนแมรี” ใกล้จม ค่าซ่อม289 ล้าน
ควีนแมรี เรือเดินสมุทรจากยุค 1930s ที่กลายเป็นโรงแรม ร้านอาหาร และ “จุดสนใจ” ที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนเมืองลองบีชได้ปีละมากมายมหาศาล กำลังอยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างหนัก ทั้งภายในและภายนอก โดยข่าวบอกว่าหากไม่เร่งซ่อมแซม เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่อาจรั่วและจมลงสู่ก้นอ่าวลองบีชได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบปี หากไม่มีการซ่อมแซมบริเวณที่เสียหายหนักโดยด่วน
อย่างไรก็ตาม การซ่อมแซมอาจทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะจากการประเมินความเสียหายโดยทีมวิศวกรของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรือขนาดใหญ่ ที่นำเสนอต่อเทศบาลเมืองลองบีช ระบุว่าจะต้องใช้เงินมากถึง 289 ล้านดอลลาร์ในการซ่อมแซมเรือประวัติศาสตร์ลำนี้
ข่าวบอกว่าขณะนี้ เทศบาลเมืองลองบีช กำลังทำงานร่วมกับผู้เช่าเรือควีนแมรี ในการร่างแผนอนุรักษ์เรือควีนแมรี รวมถึงแนวทางการจัดหาเงินทุนสำหรับใช้จ่ายในเรื่องนี้ด้วย โดยขณะนี้ ทางเทศบาลได้อนุมัติเงินงบประมาณฉุกเฉินสำหรับซ่อมเรือควีนแมรี จำนวน 23 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นเงินที่สามารถใช้ในปี 2017 นี้ประมาณ 12 ล้านดอลลาร์.
|
รัฐแคลิฟอร์เนีย เตรียมช่วยค่าครองชีพนักศึกษา
แอลเอไทมส์ รายงานข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ บรรดาส.ส.สังกัดพรรคเดโมแครต กำลังร่างแผนงานช่วยเหลือนักศึกษาในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอเข้าสู่รัฐสภาต่อไป โดยแผนงานดังกล่าว จะเน้นไปที่ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต หรือ living expenses คือค่าที่พักและค่าอาหาร ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ จากเดิมที่เน้นความช่วยเหลือเรื่องค่าเทอม และตำรับตำรา
ข่าวบอกว่าแผนความช่วยเหลือดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นจากปัญหาค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าเช่าบ้านและอพาร์ทเมนท์ ในเมืองใหญ่ของแคลิฟอร์เนีย ที่สูงจนกลายเป็นภาระใหญ่หลวงของนักศึกษา และเป็นที่มาของ “หนี้ทางการศึกษา” ก้อนมหึมาของนักศึกษาระดับปริญญาตรีในรัฐนี้
นอกจากความช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาในสถาบันการศึกษาของรัฐ ทั้งคาลเสตท และยูซี ซึ่งมีจำนวนเกือบสี่แสนคนแล้ว แผนการของ ส.ส.เดโมแครต ที่กำลังมีการพูดคุยกันนั้น ยังจะเพิ่มความช่วยเหลือให้กับนักศึกษาใน คอมมูนิตี คอลเลจ ด้วย โดยนอกจากจะเพิ่มเงินทุนช่วยเหลือทางการศึกษาแล้ว ยังมีแผนที่จะช่วยเหลือค่าเทอมทั้งหมดในปีแรก สำหรับนักศึกษาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยอีกด้วย.
|
จับสาว (ลาว) ทิ้งลูกในซูเปอร์มาร์เก็ต
เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองริเวอร์ไซด์ จับกุมตัวนางเชียงคำ วิเลเสน ผู้หญิงเอเชียวัย 31 ปีเมื่อวันอังคารที่ 14 มีนาคม หลังจากทิ้งลูกสาววัยสองขวบเอาไว้ในซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดฟอร์เลส เมื่อเย็นวันอาทิตย์ โดยแจ้งข้อหาทอดทิ้งและละเลยผู้เยาว์ในความดูแล ซึ่งเป็นคดีอาญาร้ายแรง มีโทษจำคุกระหว่างหนึ่งถึง 6 ปี โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้มีการประกันตัว
จากภาพจากกล้องวงจรปิดของซูเปอร์มาร์เก็ตทำให้เห็นว่า นางเชียงคำจูงมือลูกสาวเข้ามาในร้าน แล้วปล่อยมือให้เด็กเดินแยกออกไปขณะที่ตัวเองเลือกซื้อของ และช่วงที่เธอกำลังจ่ายเงินกับแคชเชียร์ มีพลเมืองดีจูงมือเด็กมาส่งให้ แต่เธอกลับบอกให้ปล่อยเด็กไว้ และเมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วเธอก็เดินออกไป
หลังจากถูกจับกุมตัว น้องสาวของ เชียงคำ วิเลเสน ชื่อ อแมนด้า วิเลเสน บอกว่าโดยปกติแล้ว พี่สาวของเธอรักลูกมาก และทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกสองคน (คนโตอายุ 8 ขวบ) เพียงลำพัง แต่เพราะมีปัญหารุมเร้า รวมถึงปัญหายาเสพติด จึงทำให้เธอเปลี่ยนไป และหวังว่าพี่สาวของเธอจะได้รับความช่วยเหลือ คือถูกส่งเข้าสถานบำบัดแทนการขังคุก.
|