เป็นชัยชนะที่ “ขาดลอย” เพราะได้คะแนนเสียงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ทิ้งห่างคู่แข่งทั้งสิบคนแบบไม่เห็นฝุ่น จึงไม่จำเป็นต้องมีการเลือกตั้งรอบ “รันอ๊อฟ” ในเดือนพฤษภาคมให้เสียเวลาทำงาน
นายกเทศมนตรี ประกาศชัยชนะของเขาที่สำนักงานในดาวน์ทาวน์ ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันเลือกตั้ง หลังจากการนับคะแนนผ่านพ้นไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มของบรรดาผู้สนับสนุนกว่าร้อยคน
อีริค การ์เซ็ตติ บอกว่าชัยชนะของเขาครั้งนี้ มาจาก “ผลงาน” มากมายในรอบสี่ปีที่ผ่านมา
“ขณะที่คนอื่นพูดว่าจะทำเรื่องยิ่งใหญ่... ลอส แอนเจลิส เรากำลังทำเรื่องยิ่งใหญ่อยู่ในเวลานี้”
นายกเทศมนตรี กล่าวว่า “เพื่อนของผม... เรื่องยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มันต้องการความเป็นผู้นำ งานของนายกเทศมนตรีคือการทำงานให้ลุล่วง และนั่นคือสิ่งที่ผมจะทำต่อไปเพื่อพวกเราทุกคนในเมืองนี้... เราสร้างสถิติใหม่ที่ท่าเรือและสนามบิน เราสร้างสถิติใหม่สำหรับการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาพยนตร์, เราหาที่พักให้กับโฮมเลสทหารผ่านศึกได้มากกว่าทุกเมืองในอเมริกา, เราปรับปรุงถนนหนทางมากกว่าที่เคยมีมา, เราเผชิญหน้ากับปัญหาความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบพุ่งชน โดยการทำให้อากาศสะอาดขึ้น อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและขยายพื้นที่สีเขียว, เราผ่านกฎหมายลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองแอลเอ และเราได้เห็นธุรกิจขนาดเล็กกำเนิดขึ้นในรอบสี่ปีมากกว่าที่เราเคยเห็นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา.... ดังนั้น เรากำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่... แต่เรายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก”
นอกจากนี้ อีริค การ์เซ็ตติ ยังอ้างถึงการสนับสนุนให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำ, ลดภาษีธุรกิจ (business tax), ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้กลับมาใช้เมืองแอลเอเป็นศูนย์กลางอีกครั้งโดยใช้มาตรการลดหย่อนภาษี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองแอลเอ ให้ดีขึ้น รวมถึงการสนับสนุนร่างกฎหมายสำคัญในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้เมืองลอส แอนเจลิส ได้งบประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการสร้างที่พักให้กับโฮมเลส ด้วย
การเลืกตั้งครั้งนี้ นอกจากได้รับเสียงโหวตจากชาวเมืองแอลเอ มากกว่าสองแสนเสียง ทิ้งห่าง ไมเคิล แจ็ค ชวาร์ทซ์ ที่ตามมาเป็นอันดับสองกว่าหนึ่งแสนแปดหมื่นเสียง แล้ว อีริค การ์เซ็ตติ ได้รับเงินสนับสนุนเพื่อหาเสียงมากที่สุด คือมากกว่า 3.3 ล้านดอลลาร์ (สรุปเมื่อ 1 มีนาคม) ขณะที่ ไมเคิล แจ็ค ชวาร์ทซ์ ได้เงินสนับสนุนมากเป็นอันดับสอง ที่ 691,000 ดอลลาร์เท่านั้น
ในช่วงหาเสียงนั้น ไมเคิล แจ็ค ชวาร์ทซ์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ (ที่เคยร่วมงานกับการ์เซ็ตติในเคมเปญหาเสียงให้ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า มาก่อน)โจมตี อีริค การ์เซ็ตติ ในประเด็นคดีอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสามปีที่ผ่านมา รวมถึงประเด็นราคาบ้านและค่าเช่าที่พักอาศัยในเมืองแอลเอ ที่สูงขึ้นจนแซงเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วอเมริกา
สองประเด็นที่ว่านี้ ถือเป็น “งานช้าง” ที่รอให้นายกเทศมนตรี อีริค การ์เซ็ตติ เข้าไปดูแลแก้ไข
แถมอีกสี่ปีต่อไปจากนี้ เขาจะต้องทำงานในสภาพที่ถูก “กดดัน” จากรัฐบาลกลางของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพ่งเล็งแอลเอ เป็นพิเศษ เพราะเป็นเมืองใหญ่ที่มี “โรบินฮูด” มากที่สุด มีการข่มขู่เป็นระยะว่าจะตัดงบประมาณความช่วยเหลือต่างๆ หากเมืองแอลเอ ยังคงทำตัวเป็น “เมืองหลงภัย” หรือ sanctuary city ของเหล่าโรบินฮูดอยู่แบบนี้
ประเด็น “อิมมิเกรชั่น” จะต้องเป็น “เรื่องใหญ่” ของนายกเทศมนตรีหนุ่มตลอดทั้งเทอม เพราะเวลานี้ดูเหมือนเขาจะยืนอยู่ “ตรงกลาง” โดยมีแรงกดดันมาจากทั้งสองด้าน
เพราะในขณะที่รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าลอส แอนเจลิส เป็นเมืองหลบภัยของผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายนั้น ชาวเมืองแอลเอ เอง โดยเฉพาะกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้อพยพ กลับมองว่าเขายังทำงานในเรื่องนี้น้อยเกินไป
เห็นได้จากการประกาศชัยชนะของเขาเมื่อค่ำวันอังคาร มีกลุ่มผู้ประท้วงหลายสิบคนมาตะโกนโวยวายเรื่องการบุกจับผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ที่เกิดขึ้นอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ประท้วงอ้างว่าเทศบาลเมืองแอลเอ ยังเฉื่อยชา มีแค่การพูดคุย วางแผน วาดโครงการ แต่ไม่มี “แอ๊คชั่น” บางคนถึงขนาดตะโกนเสียงดังว่า แอลเอ นั้น “เคย” เป็นเมืองหลบภัยของโรบินฮูดเท่านั้น....
นายกเทศมนตรี กล่าวถึงประเด็นนี้เมื่อค่ำวันอังคารว่า “ไม่สมควรปล่อยให้เด็กๆ เห็นพ่อแม่ถูกจับขณะไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน” อ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ก่อนหน้าวันเลือกตั้งไม่นาน
“เราทุกคนรู้ดีว่า การยืนหยัดเพื่อความเสมอภาค เพื่อเสรีภาพ และความยุติธรรมสำหรับพวกเราทุกคน คือคุณค่าที่จะนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน พวกเราคือ แอนเจลิโน่ และพวกเราทุกคนคือคนอเมริกัน และเราจะยืนหยัดขึ้นด้วยกัน”
อีริค การ์เซ็ตติ จบการปราศรัยของเขาด้วยการขอความไว้วางใจให้เขาในการทำหน้าที่ปกป้องชาวเมืองลอส แอนเจลิสทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใดก็ตาม ต่อไป
“ในขณะที่การเมืองถูกนำมาแบ่งแยกพวกเราแบบนี้... ที่นี่ ในลอส แอนเจลิส ผมคิดว่าเรากำลังยืนหยัดเพื่อบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านั้น เรากำลังยืนหยัดเพื่ออุดมการณ์ที่ว่า เมื่อเราจับมือกัน เราจะขับเคลื่อนเมืองของเรา และชาติของเราไปข้างหน้า” นายกเทศมนตรีสมัยที่สองของเมืองลอส แอนเจลิส กล่าวในที่สุด.