ชาวแอลเอ ร่วมเลือกตั้งน้อยเป็นประวัติการณ์
ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี เมื่อวันอังคารที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา อีริค การ์เซ็ตติ ได้รับความวางใจให้เป็นนายกเทศมนตรีของนครแอนเจลิส สมัยที่สอง มากถึง 81 เปอร์เซ็นต์ของเสียงโหวตทั้งหมด ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงสุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของเมืองแอลเอ ย้อนไปกว่าร้อยปี
แต่หากมองที่จำนวนคะแนนที่เขาได้รับ คือ 202,278 คะแนนแล้ว ถือว่าอีริค การ์เซ็ตติ ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนน้อยกว่าอดีตนายกเทศมนตรีลอส แอนเจลิส หลายคน เช่น เจมส์ ฮาห์น,ริชาร์ด เรียดัน, ทอม แบรดเล่ย์, แซม ยอร์ตี, นอร์ริส พอลสัน โดยเฉพาะ เฟลชเชอร์ โบว์รอน นายกเทศมนตรีคนที่ 35 ของลอส แอนเจลิส ที่ได้รับคะแนนเสียงจากชาวเมืองแอลเอกว่าสี่แสนคะแนน ทั้งที่ในปี 1950 นั้น เมืองแอลเอ มีประชากรน้อยกว่าปัจจุบันกว่าครึ่ง
นอกจากนี้ ดีน โลแกน แห่งสำนักงานทะเบียนของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี ยังแถลงเมื่อวันที่ 8 มีนาคม โดยว่า จำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ น่าจะน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของเมืองแอลเอ โดยเขาเชื่อว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการสรุปในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ น่าจะต่ำกว่าการเลือกตั้งปี 2009 (ซึ่ง แอนโตนิโอ วิลาไรโกซ่า ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองแอลเอ สมัยที่สอง) อยู่ประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์ โดยการเลือกตั้งเมื่อปี 2009 นั้น ข่าวบอกว่ามีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพียง 17.9 เปอร์เซ็นต์ของผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นับจากปี 2020 เป็นต้นไป การเลือกตั้งท้องถิ่นของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี จะขยับให้ตรงกับการเลือกตั้งระดับรัฐ และรัฐบาลกลาง คือในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลให้ตัวเลขการใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่นเพิ่มจำนวนมากขึ้น.
|
ขอเปลี่ยนชื่อฟรีเวย์ 5 เป็น “ลาบัมบ้า”
ส.ส.พอล โบคาเนกร้า (เดโมแครต พาคอยม่า) เสนอต่อรัฐสภาซาคราเมนโต้ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ให้มีการเปลี่ยนชื่อฟรีเวย์สาย 5 ช่วงที่ผ่านมา ซานเฟอร์นานโด้ แวลเลย์ (ระหว่าง 170 กับ 118) ว่า “ริชชี่ วาเลนส์” เพื่อรำลึกและเป็นเกียรติกับ ริชชี่ วาเลนส์ นักร้องร็อคแอนด์โรลล์ เลือดแม็กซิกัน ชื่อดัง ซึ่งเกิดและเติบโตในเมืองพาคอยม่า
โดย ส.ส.พอล โบคาเนกร้า กล่าวในสภาว่า ริชชี่ วาเลนส์ ถือเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมอเมริกัน เป็นผู้สร้างบันดาลใจ และ “เปิดประตู” ให้กับบรรดาศิลปินชิคาโน่ (ลาติน-อเมริกัน) รุ่นหลัง ผลงานของเขาถือว่ามีส่วนแผ้วถางทางให้กับแนวเพลง ลาตินร็อค มีโอกาสก้าวขึ้นสู่ความนิยมในอเมริกาด้วย ดังนั้นการตั้งชื่อฟรีเวย์เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาจึงถือว่าเหมาะสมอย่างมาก
ริชชี่ วาเลนส์ เป็นเจ้าของเพลงดังมากมาย รวมถึง La Bamba, Come on, Let’s go, Donna ฯลฯ กำลังเรียนที่ พาคอยม่า ไฮสกูล ตอนได้รับการทาบทามให้เข้าสังกัดค่ายเพลงดังเมื่อปี 1958 มีโอกาสได้แสดงในรายการ อเมริกัน แบนด์สแตน์ ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ยอดนิยมในยุคนั้น
แต่ ริชชี่ วาเลนส์ มีโอกาสสร้างชื่อเสียงและผลงานเพียงแค่ปีเดียวก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในวันที่ 3 กุมภาพันธ์1959 ขณะมีอายุเพียง 17 ปี โดยเสียชีวิตพร้อมกับนักร้องดังของอเมริกาอีกสองคน คือ บัดดี้ ฮอลลี่ กับ เจพี “เดอะบิ๊กบ็อปเปอร์” ริชาร์ดสัน
โดยชีวิตของ ริชชี่ วาเลนส์ ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ปี 1987 เรื่อง La Bamba และวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1959 ซึ่งนักร้องชื่อดังเสียชีวิตพร้อมกันถึงสามคนนั้น ถือเป็นวันที่วงการเพลงสูญเสียครั้งใหญ่ และเป็นวันที่ ดอน แม็คลีน เรียกว่า The day the music died ในเพลง American Pie ด้วย.
|
คอนเฟิร์ม ทูน่าผสมเนื้อคน แค่ “ข่าวลวงโลก”
ปลาทูน่ากระป๋อง “บัมเบิลบี” ตกเป็นเหยื่อของ “ข่าวลวงโลก” อีกเป็นครั้งที่สอง หลังจากเว็บไซต์ healthanddiytips.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอเรื่องราวแนวแปลก หรือหวือหวา ได้นำเสนอข่าวเมื่อจันทร์ที่ 6 มีนาคม ว่า ผู้บริหารของบริษัทบัมเบิลบี ฟู้ด ในซานดิเอโก้ รวมถึงคนงานสองคน ถูกอัยการของลส แอนเจลิส ตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของคนงานที่ถูก “ต้มจนสุก” พร้อมกับเนื้อปลาทูน่าปริมาณหลายตัน
“โฮเซ่ เมลลีน่า กำลังตราจตราเตาขนาดยาว 35 ฟุตในโรงงานของบัมเบิลบี เมืองซานตาเฟ่ สปริง ขณะที่เพื่อนร่วมงานเทเนื้อปลา 12,000 ปอนด์ลงไป แล้วทำให้สุกด้วยอุณหภูมิ 270 องศา ร่างของเมลลีน่า วัย 62 ปีถูกพบหลังจากมีการเปิดเตาหลังจากนั้นอีกสองชั่วโมง” ข่าวปลอมระบุ
ถือเป็นการสร้างข่าวเพื่อทำลายภาพพจน์ของ บัมเบิลบี อีกครั้ง หลังจากที่ข่าวปลอมแบบเดียวกัน เคยถูกนำเสนอผ่านเว็บไซต์ snopes.com และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อเดือนมีนาคมปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทบัมเบิลบี ทำการเรียกคืนปลาทูน่ากระป๋องของตัวเองออกจากตลาด เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค พอดี.
|
ให้สิทธิ์จักรยาน ไม่ต้องหยุด “สต๊อปไซน์”
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2017 ส.ส.เจย์ โอเบิร์นโนเต้ (รีพับลิกัน จากเฮสปีเรีย) และ ส.ส.ฟิล ทิง (เดโมแครต จากซานฟรานซิสโก) ได้เสนอกฎหมายใหม่ต่อรัฐสภาเมืองซาคราเมนโต้ ว่าด้วยการให้สิทธิ์ผู้ใช้รถจักรยาน ไม่ต้องหยุดให้สนิทหากผ่านสี่แยกที่มีป้ายให้หยุด (stop sign) โดยให้ผู้ใช้รถจักรยานปฏิบัติกับป้ายให้หยุด เช่นเดียวกับป้ายให้ทาง (Yield sign) คือไม่จำเป็นต้องหยุด หากเห็นว่ามีความปลอดภัย
ส.ส.เจย์ โอเบิร์นโนเต้ ให้เหตุผลว่า การหยุดรถ จะทำให้ผู้ขับรถจักรยานเสียแรงส่ง (momentum) ทำให้การปั่นจักรยานผ่านสี่แยกต้องใช้เวลานานขึ้น และมีโอกาสที่จะถูกรถชนมากขึ้น โดยอ้างข้อมูลจากรัฐไอดาโฮ่ ซึ่งเป็นเพียงรัฐเดียวของอเมริกา ที่ให้ “อิสระ” กับผู้รถจักรยานเช่นนี้ ว่าตัวเลขอุบัติเหตุที่เกิดกับรถจักรยานลดลง หลังจากกฎหมายฉบับนี้เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อปี 1982
แม้ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะได้รับเสียงสนับสนุนจากบรรดาผู้นิยมปั่นจักรยานทั่วไปก็ตาม แต่บรรดาผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างแสดงความกังวลว่ากฎหมายฉบับนี้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับรถจักรยานมากขึ้น
เช่น โจ เวสท์ ชาวเมืองโอเชี่ยนไซด์ ที่บอกว่าการให้สิทธิ์พิเศษกับผู้ใช้รถจักรยานเช่นนี้ อาจทำให้นักปั่นจักรยานเกิดการเคยชินกับสิทธิพิเศษที่ได้รับจนติดเป็นนิสัย ทำให้ขับผ่านสี่แยกโดยคิดว่ารถยนต์ทุกคันต้องหยุด ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายอย่างมาก.
|