สัปดาห์ที่ผ่านมา แอลเอไทมส์ นำเสนอบทความเกี่ยวกับการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของแคลิฟอร์เนีย ที่เรียกกันว่า “เดอะบิ๊กวัน” โดยมีการสัมภาษณ์ ลูซี่ โจนส์ นักวิทยาแผ่นดินไหว (seismologist) ชื่อดังของสถาบันศึกษาแผ่นดินไหวเมืองลองบีช ที่บอกว่าการเตือนภัยแผ่นดินไหว ที่มีเป็นระยะนั้น ไม่ได้ต้องการให้ชาวแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในลอส แอนเจลิส และเมืองตามรอยแยก ซานแอนเดรส (San andreas fault) ทั้งหลาย ตื่นตระหนก หวาดกลัวจนเกินไป แต่ต้องการให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงรับทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเตรียมพร้อมรับมืออย่างมีสติ
“โอกาสที่คุณจะตายเพราะถูกเด็กทารกยิงมีสูงกว่าตายในเหตุการณ์แผ่นดินไหว” เธอกล่าว และย้ำว่าชาวแคลิฟอร์เนียทุกคนจะต้องคิดแบบนี้ เพื่อจะได้ไม่ตื่นตัวจนถึงขั้น “ก้าวขาไม่ออก” เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ
“คุณต้องรู้ว่าโอกาสรอดตายมีสูงมาก ขอเพียงอย่าตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก และที่สำคัญคือเตรียมตัวให้พร้อม ปรับบ้านของคุณให้ปลอดภัย เช่นอย่าให้ตู้หนังสือ หรือรูปภาพล้มลงเตียงนอนถ้าเกิดแผ่นดินไหว อย่าให้ตัวบ้านเลื่อนออกจากฐาน”
ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวบอกต่อไปว่า การที่มนุษย์เรากลัวแผ่นดินไหวนั้น อธิบายตามหลักจิตวิทยาได้ว่า เป็นเพราะเรากลัวความไร้แบบแผน (randomness) “ข้อเท็จจริงที่ว่าเราทำนายไม่ได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไหร่ คุณไม่มีทางรู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่คุณควบคุมไม่ได้ แต่คุณควบคุมสภาพแวดล้อมตัวเองได้ เพราะฉะนั้น จัดการซะ โดยดูแลสภาพรอบตัว ทั้งที่บ้าน ที่ทำงานให้เป็นที่ปลอดภัยตอนเกิดแผ่นดินไหว”
ถามว่ามีโอกาสมากแค่ไหน ที่ชาวแคลิฟอร์เนียจะเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหว ดร.ลูซี่ โจนส์ บอกว่ามีน้อยมาก โดยในรอบร้อยปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพราะแผ่นดินไหวปีละไม่เกิน 40 คน น้อยกว่าตัวเลขชาวอเมริกันทั่วประเทศที่เสียชีวิตเพราะถูกเด็กทารกยิงในปี 2015 เล็กน้อย
หรือหากเปรียบเทียบกับตัวเลขผู้เสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต ก็ยังน้อยกว่าอยู่ดี “มีชาวอเมริกันเสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่าปีละประมาณ 75 คน” ดร.ลูซี่ โจนส์ บอก
“ผู้คนในแคลิฟอร์เนียภาคใต้เสียชีวิตเพราะเหตุธรรมชาติที่มาพร้อมกับฝน อย่างโคลนถ่ม น้ำท่วมมากกว่าเสียชีวิตเพราะแผ่นดินไหวหลายเท่าตัวเลย”
ดร.ลูซี่ โจนส์ สรุปว่าในชั่วชีวิตของคนชาวแคลิฟอร์เนียนั้น มีโอกาสเสียชีวิตเพราะแผ่นดินไหวเพียง 1 ต่อ 20,000 ขณที่ความเสี่ยงต่อการถูกฆาตกรรม อยู่ที่ 1 ต่อ 1,000 และโอกาสเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่ที่ 1 ต่อ 100
“คุณมีโอกาสตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมมากกว่าเป็นเหยื่อของดินดินไหว” ดร.ลูซี่ โจนส์ ย้ำ
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนกุมาภาพันธ์ที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส ได้จัดทำแผนงาน “เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ” สำหรับคนไทยที่อาศัยอยู่ในรัฐอาณา โดยมีสาระสำคัญ เช่น
-ชาวไทยสามารถศึกษาข้อมูลการเตรียมความพร้อมรับมือได้จาก http://readyla.org, www.emergency.lacity.org
-ประชาชนในพื้นที่ควรลงทะเบียนรับข่าวสาร ข้อมูลการเตรียมความพร้อม และการเตือนภัยจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ http://notifyla.org/ http://preparelanow.org http:/twitter.com/readyla http://www.facebook.com/readyla
-แต่ละชุมชนควรเข้าร่วมการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมจาก Community Emergency Response Team Training (http://www.cert-la.com/) หรือหลักสูตรออนไลน์ http://training.fema.gov/is/crslist.aspx
-โดยที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยอาจไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย/ ผู้ประสบภัยทันทีหลังเกิดภัยพิบัติ ทุกชุมชนจึงมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นอย่างน้อย ๗ วัน – หลายสัปดาห์ นครลอสแอนเจลิสจึงได้จัดเตรียมเครื่องมือในการจัดทำแผนรับมือภัยพิบัติสำหรับชุมชน 5 Steps Neighborhood Preparedness โดยขั้นตอนในการเตรียมความพร้อมครอบคลุมสาระสำคัญ ได้แก่
1 ประชาชนต้องทำความรู้จักกับชุมชนของตนเอง
2 คัดเลือกผู้นำเพื่อการประสานงานในการเตรียมความพร้อมก่อนภัยพิบัติ การจัดการในระหว่างเกิดภัยพิบัติและการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ จัดเตรียมการประชุม จัดระบบการติดต่อประสานครอบครัวต่าง ๆ ในชุมชน จัดตั้งศูนย์/ เครือข่ายการดูแลเด็ก คนชรา คนพิการ สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ในชุมชน
3 มีความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงของชุมชนต่อภัยธรรมชาติประเภทต่างๆ อาทิ สึนามิ น้ำท่วม ไฟป่า แผ่นดินไหว ฯลฯ และผลกระทบต่อชุมชน
4 รวบรวมข้อมูลสำหรับการติดต่อบุคคลในชุมชน และข้อมูลเกี่ยวกับทักษะความเชี่ยวชาญของคนในชุมชน อาทิ แพทย์ พยาบาล สัตวแพทย์ ช่างสาขาต่าง ๆ เพื่อจะได้จัดเตรียมการฝึกอบรมชุมชนในสาขาที่จำเป็น
5 จัดหาสถานที่สำหรับการเป็น “จุดรวม (Gathering Place)” ของทุกคนในชุมชนหากเกิดภัยพิบัติ เพื่อประสานงานการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ.