ข่าวคนไทยในอเมริกา
บุคคลหน้าสาม : ผ้าป่าสามัคคีการศึกษา ฟาโรห์ โกสุมานนท์ “คนบอกบุญ”


ฟาโรห์ ช่างผมดังแห่งฮอลลีวูด




สมัยเป็นนักเรียนที่โรงเรียนอนุบาลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว ชัยภูมิ




ประกาศงานบุญผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว จังหวัดชัยภูมิ ที่ฟาโรห์ เป็นประธานกรรมการสายอเมริกา




โดย​ : กฤติยา รักแต่งาม

ฟาโรห์ ที่ไหน “ตัดหัว” ใครมาแล้วเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก็ไม่น่าสนใจเท่า “ฟาโรห์”คนนี้ ที่ “ตัด” วันละ “หลายหัว” ต่อหลายหัว แถม “เต็มที่” ทุกหัว แบบไม่กลัวเมื่อย “ตัด” ได้เรื่อยๆ ทั้งวันยันคืน เพราะเขาคือ ฟาโรห์ แห่งอาณาจักร “ฟาโรห์ แฮร์ ดีไซน์” กัลบก ที่แปลงกายเป็น “ลิเก” ได้ คนนั้น

 “...ผมเกิดที่หมู่บ้านโค้งน้ำตับ ต.บ้านค่ายหมื่นแผ้ว อ.เมือง จ.ชัยภูมิ อยู่ในครอบครัวคุณพ่อ วุฒิสาร คุณแม่สงัด โกสุมานนท์ มีพี่น้อง 4 คน คนแรกพี่ชายชื่อ อำนาจ ผมเป็นลูกคนที่ 2 ชื่อ เสน่ห์ น้องสาวคนที่สามชื่อ จรรยา และน้องชายคนสุดท้องชื่อ ไพโรจน์
         

       ...ครอบครัวค่อนข้างมีฐานะ(ยากจน)ครับ เปิดขายของชำในหมู่บ้าน พ่อเย็บผ้าทั้งผู้ชายผู้หญิง แม่ทำขนมไข่เหี้ย (แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นไข่หงส์) ครับ ทำก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีน-น้ำยา, แหนมข้าวทอด, น้ำแข็งใส ขายตามงานวัด ผมไปช่วยเสิร์ฟ พอลูกค้าน้อย ก็ไปนั่งดูลิเก ผมชอบชุดลิเกมาก มันมีเพชรแสงระยิบระยับ เวลาร้องรำสวยมาก นี่คือที่มาของ “ลิเกฟาโรห์” ครับ...”

ท้าวความ “เบื้องต้น” แล้วก็ต้องบอกว่า “ฮันเลวังกา... ขอเชิญท่านมาทัศนาเรื่องราว” ที่กว่าจะได้เป็น “ฟาโรห์” บนถนนฮอลลีวูด

 “...หนังขายยาก็ไปขาย ตอนกลางคืนจุดตะเกียงใช้น้ำมันก๊าซ ต่อมาพ่อซื้อตะเกียงเจ้าพายุมาใช้ สว่างไสวเหมือนไฟฟ้าตามตลาดเลยครับ ผมเรียน ป.1, 2, 3, 4ในหมู่บ้าน...ที่โรงเรียน คุณครูให้ผมกับเด็กผู้หญิงในหมู่บ้าน เชิญธงชาติขึ้นยอดเสาเป็นประจำครับ ผมเป็นหัวหน้าชั้นมาตลอด วันไหว้ครูก็ได้เป็นตัวแทนถือพานดอกไม้
ไปไหว้ครูด้วยครับ เวลาทางโรงเรียนไปทอดผ้าป่าที่วัดในหมู่บ้านก็ให้ผมไปรำหน้ากลองยาว...
        
         
 ...ตอนแรกคุณครูให้เด็กนักเรียน 10 คน ไปรำหน้ากลองยาว พอเริ่มรำก็เหลือผมคนเดียว ถึง “วันเด็ก” คุณครูให้เพื่อนๆ ทำการแสดงเป็นทีม ส่วนผมให้ร้องเพลงคนเดียว ผมโชว์เพลง “เหล้าจ๋า” ดูสิ เริ่มไม่มีเพื่อนตั้งแต่เด็กๆ เลย...
                     
พอจบป.4 พ่อ-แม่ก็ให้ไปเรียนต่อ ป.5 ป.6 ป.7 ที่ในตัวตำบล “บ้านค่ายหมื่นแผ้ว” เวลาไปจะต้องปั้นจักรเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร (ผู้ใหญ่บอก แต่ผมไม่เคยวัดสักที) จากเด็กที่เคยมั่นใจ พูดภาษาโคราชในหมู่บ้านในโรงเรียน มาเจอเพื่อนใหม่ที่ภาษาพูดแตกต่างกัน สำเนียงออกไทยอีสานบ้างออกจีนปนไทยอีสานบ้าง งองู สองตัวมาเจอกัน เลย งง แต่เวลาอยู่ในห้องเรียนพูดภาษากลางกันครับ...”
                    
 เสน่ห์ โกสุมานนท์ หรือ “ฟาโรห์” ถ่ายทอดการ “สะสมอดีต” ของเขาเรื่อยๆ ด้วยอารมณ์ดี มีเสียงหัวเราะปนบ่อยครั้ง    
                  
                     
“...เช้าไปถึงโรงเรียน ถ้าครูยังไม่ตีระฆังเข้าแถว กลางสนามจะมีลูกฟุตบอล 2 ลูก ผมก็เตะโด่งไปมาทุกเช้าครับ ส่วนนักเรียนหญิงก็จะมีห่วงยาง หนังยาง หมากเก็บ เล่นกัน ส่วนผมไม่ชอบเตะบอล เตะแล้วรู้สึกเจ็บเท้า อีกอย่างกลัวรองเท้าสกปรกเพราะมีอยู่คู่เดียว จะไปเล่นกับเพื่อนผู้หญิงก็กลัวเขาว่าเป็นกระเทย เลยไปตีกลองดุริยางค์ ช่วงมีกีฬาสีครับ...
                     
...เวลาขี่จักรยานไปเจอทางลูกรังช่วงหน้าฝน เสื้อผ้าชุดนักเรียนผมเปียกเปื้อนโคลนที่กระเด็นจากล้อรถจักรยานหมด เพราะจักรยานผมไม่มี “บังโคลน” ผมก็นั่งเรียนแบบเปียกๆ ไปจนแห้ง คนอื่นเขามีเสื้อกันฝนคลุมไปโรงเรียนกัน ผมไม่มี แต่ก็ได้เป็นรองหัวหน้าชั้น โดยเพื่อนๆ เสนอชื่อเด็ก 5 คนให้เลือก เด็กผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าห้อง ผมลงคะแนนให้ด้วยครับ เพราะเธอมั่นใจกว่าผม เขามันเด็กเจ้าถิ่นอยู่ในตลาด เพื่อนร่วมชั้นก็เลยจับคู่ให้ หัวหน้ากับรองหัวหน้าเป็นคู่รักกัน ( puppy love ) ผมก็เลยไม่กล้าไปพูดคุยกับเพื่อนผู้หญิงอื่นที่ร่วมชั้นกัน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็น “เด็กของหัวหน้า” เสียแล้ว...
                    
  ...แต่ผมก็ได้เป็นหัวหน้าตอนเรียนวิชาลูกเสือสามัญ การเรียนผมพอผ่านไปได้ครับ เน้นกิจกรรมเป็นอันดับหนึ่ง ผมได้เรียนภาษาอังกฤษ ABC ถึง Z จากโรงเรียน “บ้านค่ายหมื่นแผ้ว นี้แหละครับ นี่ก็ผ่านไปราว 40  กว่าปีแล้ว พวกรุ่นพี่ รุ่นผม รุ่นน้อง ศิษย์เก่าของโรงเรียน “บ้านค่ายหมื่นแผ้ว” ต่างคนก็ต่างได้ดิบได้ดี เป็นทหาร เป็นตำรวจ เป็นครู เป็นหมอ พยาบาล กันหมด...เป็นช่างทำผม ก็มีบ้าง...”
                         
ก่อนถึง “ฉากชีวิต” ช่วงต่อไป เขา “แวะ” นิดหนึ่ง บอกเล่าเก้าสิบถึง “งานบุญ” ที่ศิษย์เก่ากับเพื่อนเก่าที่ชัยภูมิ กำลังสานต่อกับเขาที่นี่ นั่นคือ “ผ้าป่าสามัคคีการศึกษา” โดยเขาจะจัดงาน “ร้องเพลงการกุศล” รวบรวมเงินบริจาคส่งไปช่ว่ยอีกแรง ในเวลาแดดร่มลมตก
                    
 “...พวกเราได้มีการประชุมรวมตัวกันทำ “ผ้าป่าการศึกษา” ไปที่โรงเรียนเก่า ได้ฤกษ์วันที่ 15-16 เมษายน หลังวันสงกรานต์ปีนี้ครับ ผมเลยขอฝากบอกข่าวขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องและเพื่อนๆ ผู้มีจิตศรัทธา มาร่วมสนุกร้องเพลงคาราโอเกะการกุศล บริจาคทำบุญร่วมกัน ในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาฯนี้ ที่ร้านอาหาร “เครื่องเทศ” นะครับ...”                    
                
...พอจบ ป.7 แล้ว พ่อแม่ให้ผมไปเรียนต่อ ม.ศ. 1,2,3  ในตัวจังหวัดชัยภูมิ ถึงตอนนี้พ่อแม่ผมเขาย้ายไปหาปลาและขายของที่ขอนแก่น แภวเขื่อนอุบลรัตน์ ปล่อยผม-พี่น้องอยู่กับตายายในหมู่บ้าน ช่วงนี้ลำบากมากๆ ครับ จักรยานฮ่างๆ คันเดิม รองเท้านักเรียนคู่เดียวใส่ 3 ปี ฤดูน้ำท่วมต้องเจอกับถนนขาดบ้างอะไรบ้าง ก็ต้องแบกจักรยานข้ามถนนขาดไปจนกว่าจะถึงตัวตำบล
              
 ถึงตัวตำบลแล้วก็ต้องขึ้นรถสองแถวต่อไปยังตัวจังหวัดอีก ผมเรียนที่โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล เป็นโรงเรียนชายล้วนๆ เหมือนเดิมครับเรียนพอผ่าน เน้นกิจกรรมอีก ก็อยู่กองดุริยางค์ของโรงเรียนครับ แต่คราวนี้อาจารย์รับเล่นงานต่างๆ แล้วได้เงินด้วยครับ ผมดีใจมากเลย...
         
      
...ผมเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องนัก บางทีโดนเรียกให้ตอบคำถามแล้วตอบไม่ได้อาจารย์ก็ถามว่าจะเรียนไปทำไม? ผมก็ถามแม่ว่าจะให้ผมเรียนไปทำไม แม่ผมบอกว่าเรียนพอมีเพื่อน  พอโตขึ้นจะได้ไปทำงาน ผมก็อยากจบเร็วๆ จะได้ไปทำงาน พอเรียนจบผมเข้ากรุงเทพฯเลยครับ ผมได้งานดีครับ “ทำธนาคารกสิกรไทย” ซอยอารี สะพานควาย มีรถ “ประจำตำแหน่ง” ด้วยครับ ผมอยู่แผนกเทปูน เทปูนชั้นใต้ดินถึงชั้นดาดฟ้าเลย “ทำอาคารจอดรถ”ด้วยครับ ตอนหลังโดนไฟฟ้าดูด ไปรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาลราชวิถีครับ ผมเลยลาออก...ทำไปคงไม่รุ่งแน่ เลยไปทำงานโรงงานจักรยานไทย, โรงงานกระดาษ และ โรงงานกรดมะนาว...
         
     
 ถึง เวลาเกณฑ์ทหาร ผมจับได้ใบแดง ผลัดสอง 2525 ตกกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 9 กองร้อยที่ 2 หน่วยรบ จังหวัดกาญจนบุรี สองปีได้เป็นหัวหน้าหมู่1 พอปีที่สองก็ไปเรียนสิบตรี จบแล้วได้ยศสิบตรี กองประการ พอปลดเกณฑ์ ผู้กองจะให้อยู่ต่อผมว่าไม่รุ่งแน่ เลยไปหาพ่อแม่ที่ย้ายไปทำขนนไข่หงส์ขายที่ตะกั่วป่า ไปบอกพ่อแม่ว่าผมจะไปเรียนตัดเสื้อผ้า พ่อบอกอย่าเลยเพราะพ่อเคยทำมาก่อน ลูกค้าสั่งตัดแล้วก็ไม่มาเอา พอมาเอาก็อ้วนกว่าที่วัดไว้ บ้างคนก็ผอมต้องแก้ไขตลอด ไปเรียนตัดผมดีกว่า ตัดเสร็จได้เงินเลย มีกรรไกรกับหวี ผ้าคลุมไปหาเอาข้างหน้าก็ได้...
        
      
 ...แต่ผมก็ยังไม่ตัดสินใจ เพราะตอนนั้นมีแต่กระเทยและเกย์ที่ตัดผมผู้หญิง บาร์เบอร์ก็หนักไปทางคนสูงอายุ.จนวันหนึ่งได้ดูโฆษณาแชมพู”ซันซิล” มีสโลแกนที่ว่า "ช่างผมคนดัง Hollywood" ใช้”ซันซิล”ให้กับดาราสากล ผมเห็นโฆษณาตอนแรกก็คิดถึงคำพูดของพ่อ พอมีอาจารย์ประเสริฐศักดิ์ อาณากรเป็น” พรีเซนเตอร์” ผมก็ อ้าว คนไทยก็เป็นช่างผมคนดังของ Hollywood ได้นี้ แต่ขอโทษนะครับผมไม่รู้ว่า Hollywood ที่ว่านี้ อยู่ที่ไหน รู้แต่มันอยู่ในหนังฝรั่งครับ ผมก็เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ ตั่งใจว่าจะเรียนกับอาจารย์ที่เป็นช่างผมคนดัง เพื่อนผมไปสอบถามดูเขาบอกว่าค่าเรียนเดือนละ 1 หมื่นบาท  เต็มหลักสูตร 12 เดือน แสนสอง...
                  
 ...ผมก็ คงหมดหวังแล้วเรา แต่เพื่อนไปติดต่ออีกโรงเรียนหนึ่ง ชื่อโรงเรียนเสริมสวยมนูศักดิ์ ที่กิ่งเพชร ที่นี่เขาบอกว่าแยกเรียนได้ เรียนซอยชาย ซอยหญิง บาร์เบอร์ ผมเลยไปสมัครเรียนซอยชาย 2 เดือน 2 หมืน อาจารย์แถมอีก 1 เดือน ตอนเข้าเรียนก็ขอให้อาจารย์ท่านตั้งชื่อให้ ใหม่ เพราะมีคนบอกว่าถ้าเกิดดังขึ้นมาคนจะเรียกชื่อยาก ชื่อเสน่ห์ อาจจะกลายเป็น เสนียด SANE =เซน สติดี ไม่บ้า. ฝรั่งเห็นจะงง เลยตั้งชื่อ “ฟาโรห์” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...

...ตอนเรียนก็มีแข่งขันตัดผม พอผมรับรางวัลที่ 1 ก็ออกหาทำงาน พอมีเงินก็กลับเข้าไปเรียนซอยผมผู้หญิง และเรียนบาร์เบอร์ “อาจารย์มนูศักดิ์” ท่านบอกว่าเด็กคนนี้ไปไกล ผมได้ยินเข้าผมก็ฝึกใหญ่เลย แข่งขันทุกเวที ทำสีผม หลาย ๆ สี ให้คนจำได้ เดินถนนคนเขาชมกันใหญ่ว่า “ไอ้บ้า” ผมก็ยิ้มให้ พอนานเข้า ทีวีรายการท้าพิสูจน์ ไปถ่ายทำที่ร้าน ทำให้ดังใหญ่เลย

...ต่อมาผมก็ไปแข่งขันที่ทีวีช่อง 5 พอได้รับรางวัล “สมาคมเสริมสวยแห่ประเทศไทย” เขาก็พาบินไปแข่งขันต่อที่ Notre Dame, Netherlands ได้รางวัลกลับเมืองไทย เผอิญข่าว “รถแก๊สระเบิด” ข่าวความงามเลยไม่มีใครสนใจ แต่ผมก็ยังติดใจกับช่างผมคนดัง Hollywood อยากมา Hollywood อยากเห็น ก็ถามคนแล้วคนเล่า จนได้บินข้ามมหาสมุทรมาจนถึง...”

หากอยู่นิ่งๆ ในเมืองไทย นิยามเขาคือ“ช่างผมดัง”คนหนึ่งของประเทศ...แต่ทว่าเมื่อออกเดินทางเขาค้นพบว่า เขา “เป็น” อะไรได้อีกมากกว่าหนึ่งอย่าง

“...ผมมาถึงก็เข้าครัวทำอาหารก่อนเลย เพราะไม่มีใบอนุญาตทำผม ต้องสอบข้อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ต้องมีล่ามไปแปล 100 ข้อ ผมสอบสองครั้งถึงผ่าน ไม่เหมือนเมืองไทยเลย เรียนจบก็ทำงานได้เลย...ชีวิตผมกว่าจะฝ่าฟันแต่ละด่านมาได้...

...มี “ด่านคนไทย” ด้วย เขาโทร.มาด่าให้ไปทำที่อื่น อย่ามาทำผมที่ Hollywood ผมก็เสียใจ...คนไทยด้วยแท้ๆ ทำไมต้องว่ากันด้วย แต่ผมก็โชคดี ที่ผู้ใหญ่ชี้แนะช่องทางไปในทางที่ดี ก็ขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่สนับสนุน ฟาโรห์ ได้ยืนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะท่าน ขอบคุณมากๆ ครับ

พอเปิดร้านของตัวเอง “Faroh Hair Design” อยู่ที่ฮอลลีวูด ทุกวันนี้ผมก็ดีใจและภูมิใจ ครับ  คติประจำใจผมที่จำไว้คอยเตือนตัวเองตลอดเวลา ว่า "ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว" สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ ลูกค้าที่มาสนับสนุน ผู้หลักผู้ใหญ่ทุกท่าน พี่ๆ เพือนๆ และน้องๆ ที่สนับสนุนให้กำลังใจผมมาตลอด ขอให้ร่ำรวยและมีความสุขทุกๆท่านเทอญ สาธุ...”

ใครพบเจอเขาแล้วอาจรู้สึกถึงความ “แปลก”...แต่ความประหลาดไม่มีอยู่จริง มีเพียงสิ่งที่เรายังไม่รู้จักเท่านั้น ที่สำคัญ ความ“สามัญ”ทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ “แปลก” เลย.

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :
 
Detail :
 



ฉบับที่
597
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข