สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2017 ที่ทางสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส ได้จัดอบรมเรื่อง “การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ – Disaster Preparedness” เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนไทยในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นรัฐที่เสี่ยงต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ ที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกาชาดสหรัฐฯ (American Red Cross) มาอบรมให้ความรู้แก่ผู้แทนจากองค์กรต่างๆ
โดยการอบรมครั้งนั้น เจ้าหน้าของกาชาดสหรัฐฯ บอกว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ขึ้น เจ้าหน้าที่หรือหน่วยกู้ภัย อาจไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้แบบทันท่วงที เนื่องจากระบบการสื่อสาร, ระบบคมนาคมขนส่ง อาจไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้น ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ประชาชนจะต้องมีความรู้เบื้องต้นในการเตรียมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุด้วยตนเอง เช่นการจัดเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุนเฉิน (emergency kit) คือ น้ำดื่ม ปริมาณ 1 แกลลอน/คน/ วัน ชุดปฐมพยาบาล ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย นกหวีด อุปกรณ์เปิดกระป๋อง อาหารกระป๋อง เสื้อผ้า รองเท้า วิทยุ เงินสด ถุงมือแบบหนา อุปกรณ์ชาร์ตโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ช่าง ยา อาหารว่าง อุปกรณ์เพื่อสุขอนามัย เอกสารสำคัญ ของเล่น (สำหรับเด็ก) อาหารสุนัข-แมว โดยมีปริมาณให้เพียงพอระหว่าง 3 วัน – 2 สัปดาห์ รวมถึงควรจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นใกล้เตียงนอน สำหรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในเวลากลางคืน อาทิ รองเท้า เสื้อหนาว ไฟฉาย นกหวีด ฯลฯ
นอกจากนั้น ควรการวางแผนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน (make a plan) สำหรับครอบครัว โดยหารือกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน เกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ อาทิ ลักษณะของที่พักอาศัย/ สถานที่ทำงานอยู่ในอาคารสูงหรือไม่ มีคนชราพักอาศัยด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งมอบหมายหน้าที่ให้บุคคลในครอบครัว/สถานที่ทำงานในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการวางแผนการติดต่อสื่อสารกับญาติ หรือเพื่อนที่อยู่ต่างรัฐ ศึกษาเส้นทางอพยพหนีภัย และจุดนัดหมายของสมาชิกในครอบครัวที่อาจพลัดพรากจากกัน พร้อมทั้งฝึกซ้อมขั้นตอนปฏิบัติของแผนฉุกเฉินปีละ 2 ครั้ง และตรวจสอบชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมถึงศึกษาขั้นตอนการเปิด/ ปิดน้ำ-ไฟฟ้า และแก๊ส ทั้งที่บ้าน และอาคารสำนักงานเอาไว้ด้วย
การศึกษาช่องทางการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติต่างๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็น โดยแนะนำสถานีวิทยุ คือ KNX 1070 AM และ KFI 640 AM หรือ Reverse 911 โดยการลงทะเบียนขอรับการแจ้งเตือนฉุกเฉินทางโทรศัพท์ (บ้านและมือถือ) ที่ www.alert.lacounty.gov และ www.notifyla.org นอกจากนี้ควรลงทะเบียนขอให้มีการแจ้งบุคคลในครอบครัวว่าตนเองปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติที่เว็บไซต์ www.safeandwell.org
นอกจากนี้ กิจกรรมในวันดังกล่าว ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ ยังได้ส่งรายชื่อของบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ของชุมชนไทยใน รัฐเขตอาณาของสถานกงสุลใหญ่ฯ ทั้ง 13 รัฐ ที่เป็นอาสาสมัครในแผนรับมือภัยพิบัติของสถานกงสุลใหญ่ฯ ออกไปให้ชุมชนได้ตรวจสอบ และปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากขึ้นด้วย เพราะอาจมีการสับเปลี่ยนตำแน่ง หรือการโยกย้ายที่พักเกิดขึ้น โดยเมื่อได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันแล้ว ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ จะนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนในเขตอาณาได้เก็บเอาไว้เป็นข้อมูลต่อไป
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส ได้จัดทำแผนงาน “เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ” เพิ่มเติม และแจ้งมายังสื่อมวลชนอีกครั้ง ดังนี้
-ชาวไทยสามารถศึกษาข้อมูลการเตรียมความพร้อมรับมือได้จาก http://readyla.org, www.emergency.lacity.org
-ประชาชนในพื้นที่ควรลงทะเบียนรับข่าวสาร ข้อมูลการเตรียมความพร้อม และการเตือนภัยจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ http://notifyla.org/ http://preparelanow.org http:/twitter.com/readyla http://www.facebook.com/readyla
-แต่ละชุมชนควรเข้าร่วมการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมจาก Community Emergency Response Team Training (http://www.cert-la.com/) หรือหลักสูตรออนไลน์ http://training.fema.gov/is/crslist.aspx
-โดยที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยอาจไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย/ ผู้ประสบภัยทันทีหลังเกิดภัยพิบัติ ทุกชุมชนจึงมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นอย่างน้อย ๗ วัน – หลายสัปดาห์ นครลอสแอนเจลิสจึงได้จัดเตรียมเครื่องมือในการจัดทำแผนรับมือภัยพิบัติสำหรับชุมชน 5 Steps Neighborhood Preparedness โดยขั้นตอนในการเตรียมความพร้อมครอบคลุมสาระสำคัญ ได้แก่
1 ประชาชนต้องทำความรู้จักกับชุมชนของตนเอง
2 คัดเลือกผู้นำเพื่อการประสานงานในการเตรียมความพร้อมก่อนภัยพิบัติ การจัดการในระหว่างเกิดภัยพิบัติและการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ จัดเตรียมการประชุม จัดระบบการติดต่อประสานครอบครัวต่าง ๆ ในชุมชน จัดตั้งศูนย์/ เครือข่ายการดูแลเด็ก คนชรา คนพิการ สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ในชุมชน
3 มีความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงของชุมชนต่อภัยธรรมชาติประเภทต่างๆ อาทิ สึนามิ น้ำท่วม ไฟป่า แผ่นดินไหว ฯลฯ และผลกระทบต่อชุมชน
4 รวบรวมข้อมูลสำหรับการติดต่อบุคคลในชุมชน และข้อมูลเกี่ยวกับทักษะความเชี่ยวชาญของคนในชุมชน อาทิ แพทย์ พยาบาล สัตวแพทย์ ช่างสาขาต่าง ๆ เพื่อจะได้จัดเตรียมการฝึกอบรมชุมชนในสาขาที่จำเป็น
5 จัดหาสถานที่สำหรับการเป็น “จุดรวม (Gathering Place)” ของทุกคนในชุมชนหากเกิดภัยพิบัติ เพื่อประสานงานการให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ.