คุณอรุณรัศมี อัมพุนันทน์ (Amy) ผู้บริหารกิจการสุสานพิมานไทย ได้ให้แง่คิดผ่านประสบการณ์ทำงาน มานานกว่า 30 ปี โดยได้กล่าวถึงเรื่องของการเตรียมตัวก่อนตายไว้ให้เป็นสติ ได้อย่างน่านำไปใช้ระลึกถึงได้ว่า
สุดท้ายของชีวิต คือความตาย แต่ในทางพระพุทธศาสนา ความตายในปัจจุบัน
หาใช่ความตายจริงไม่ เป็นเพียงการตายจากร่าง หรือสังขารที่รู้จักกันดีนี้
แล้วไปเกิดในภพภูมิใหม่ตามสิ่งที่เราได้ทำไว้ก่อนตาย สังขารเก่าไม่ได้ไปกับเรา แต่จิตที่เราเก็บสิ่งต่างๆ ที่เราทำไว้ในทุกขณะเวลาไม่มีเวลาพักตั้งแต่เกิด จนตายนั้นต่างหากที่จะติดตามเราไปดังเงาตามตัว เพื่อไปสร้างสังขารใหม่ให้จิตดวงเดิมที่เพิ่งละสังขารเก่ามาอาศัยอยู่
เพื่อเกิด และตาย ที่จะวนไปวนมาอย่างนี้ ท่านพุทธทาสได้เคยสอนธรรมะ
เรื่องการซ้อมตายไว้ก่อนตาย ก็เพื่อว่าหากเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าจะเป็นเรา
หรือคนรอบข้าง ได้ถึงเวลาที่จะต้องจากไป เราจะได้ไม่ต้องโศกเศร้าจนมากเกินไปนัก การตายก่อนตาย คือการได้ปล่อยวาง ไม่ต้องห่วง สะสมอะไรอีกต่อไป เพราะเราไม่สามารถจะเอาอะไรไปได้ แม้แต่ลมหายใจที่แผ่วเบาที่สุดก็ตาม..
การเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่กำลังจะจากไป คือสิ่งที่ทุกคนควรจะเรียนรู้
คุณอรุณรัศมีได้ให้วิธีการบอกกับผู้ที่ใกล้จะจากไป
แต่ยังพอมีสติอยู่นั้นว่า ให้พยายามกำหนดลมหายใจเข้า และลมหายใจออก
เพื่อให้ผู้ที่กำลังจะจากไปนั้น ไม่ส่งจิตออกนอก
เพราะในทางพระพุทธศาสนานั้น จิตที่ดับดวงสุดท้าย จะนำไปสู่ภพใหม่ทันที
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่คนโบราณได้มีประเพณีการนิมนต์พระสงฆ์มาเทศนาให้คนใกล้ตายฟัง เพื่อโน้มนำจิตให้เกาะกระแสแต่สิ่งดีๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบัน หากไม่สามารถนิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์ให้ฟังได้ ก็อาจจะบอกให้คนที่ใกล้ตายนั้นได้ยินแต่ประโยคดีๆ
เช่น ใช้คำภาวนาว่า พุทโธๆ , สัมมาอรหังๆ หรือ นิพพานังๆๆ
หรือหากมีเสียงธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นจากเทป ซีดี หรือจากสื่อออนไลน์ก็ดี
ก็สามารถนำมาเปิดให้ฟังได้เช่นกัน โดยธรรมะที่เปิดนั้นอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท, อานาปานสติ หรือพระสูตรต่างๆ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสั่งสอนเอาไว้ เพราะการฟังธรรมะนั้น ไม่เป็นเพียงการส่งผู้กำลังจะจากไปให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีเท่านั้น แต่การได้ฟังธรรมะนั้น ยังสามารถช่วยให้ผู้ที่กำลังทรมานจากความเจ็บปวดที่มีให้สามารถบรรเทาเบาบางลงไปได้อีก แม้แต่ผู้ที่กำลังทำใจกับการสูญเสียคนที่กำลังจะจากไป ก็อาจได้ประโยชน์จากการฟังธรรมะให้สามารถคลายความเศร้าโศกไปบ้าง ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ดีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ใกล้จะจากไปนี้
แม้ในครั้งพุทธกาล พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เคยได้นำกุศโลบายนี้มาใช้
เพื่อโปรดพระพุทธบิดา พระเจ้าสุทโธทนะเมื่อทรงประชวรก่อนสวรรคตจนได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดมาแล้ว อันน่าจะเป็นตัวอย่างที่เราน่าจะนำมาใช้เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด
เมื่อเวลาแห่งความสูญเสียมาถึง ต้องทำอย่างไรบ้าง
เป็นปกติธรรมดา ของผู้สูญเสียกับความโศกเศร้าที่มาพร้อมกัน
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงมักจะได้ยินประโยคว่า
จงทำดีกับคนที่เรารักทุกขณะเวลา โดยเฉพาะบิดา มารดา ตลอดจนคนที่เรารักทุกคน
เพื่อเวลาสูญเสียเกิดขึ้น เราจะไม่ต้องรู้สึกเสียใจว่า สิ่งใดๆ
เรายังไม่ได้ทำเพื่อพวกเขาเหล่านั้น เวลาจึงเป็นของที่ไม่สามารถนำมาใช้ฟุมเฟือย เหมือนเงินทอง และสิ่งของมีค่ารอบตัวอื่นๆ ดังนั้นเมื่อเวลาแห่งการเผชิญหน้ากับความสูญเสียเกิดขึ้น สิ่งที่เราต้องเตรียมคือ
1. ติดต่อสถานที่เพื่อประกอบพิธีให้กับผู้ตายตามประเพณี
2. สอบถามราคาสุสานต่างๆ และสิ่งที่จะอำนวยความสะดวก
3. เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ของผู้จากไป ที่เราอยากให้ผู้ตายสวมใส่ หรือใส่ไว้รวมกับผู้ตาย
4. เอกสาร เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารสำคัญที่แสดงตัวตนของผู้ตาย
สำหรับคุณอรุณรัศมีนั้น
ได้ย้ำว่า ทางสุสานพิมานไทยนั้น ให้บริการแม้ว่าผู้ตาย
หรือครอบครัวผู้สูญเสียจะเป็นผู้มีรายได้น้อยก็ตาม
สามารถโทรเข้ามาปรึกษาได้ตลอดเวลา เพราะคุณอรุณรัศมีนั้นจะช่วยอย่างเต็มกำลังตามความสามารถเพื่อให้งานของผู้สุญเสียผ่านไปได้อย่างดี พร้อมกับเล่าประสบการณ์ที่อาจช่วยให้ผู้ที่สูญเสียและกำลังเผชิญกับปัญหาทางด้านการเงิน ได้สบายใจว่า เคยมีครอบครัวผู้สูญเสียติดต่อให้ช่วยจัดงาน ซึ่งทางคุณอรุณรัศมีก็ไม่ได้รีรอที่ให้ความช่วยเหลือ และยังช่วยสมทบด้วยเงินที่เก็บไว้สำหรับช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตามที่ตนได้ตั้งปณิธานเอาไว้ในกล่องที่ตนเองเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
อย่างไรก็ดี คุณอรุณรัศมี ยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ขอจงมอบหน้าที่
ภาระกิจที่จะทำให้คนที่คุณรักนี้กับ สุสานพิมานไทยเป็นผู้ดูแล
เพราะด้วยประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี ที่จะไม่ทำให้ผิดหวัง
และไม่มีการฉวยโอกาสหาผลประโยชน์แต่อย่างใด เพราะคุณอรุณรัศมี เข้าใจถึงสัจจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสั่งสอนได้เป็นอย่างดีว่า
บุคคลหว่านพืชเช่นไรไว้ ย่อมได้ผลเช่นนั้น จึงขอให้ทุกๆ
ท่านจงไว้วางใจในความซื่อสัตย์ รักษาคำพูด เพราะทางสุสานทำงานเพื่อคุณธรรม
ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมเท่านั้น และในท้ายที่สุดนี้ คุณอรุณรัศมียังฝากถึงทุกๆ ท่านว่า หากท่านใดประสงค์อยากได้หนังสือธรรมะ เกี่ยวกับพระสูตรในพระไตรปิฏกที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสั่งสอนไว้ในที่ต่างๆ ซึ่งได้ถูกรวบรวมเก็บไว้โดยพระอริยสงฆ์สืบกันมาจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว
สามารถติดต่อขอกันเข้ามาได้ที่ 323-640-8256 ได้เลยค่ะ นอกจากนี้
ยังยินดีสอนธรรมะปฏิบัติแก่ผู้ที่สนใจศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์อีกด้วย
เพียงโทรไปตามหมายเลขที่ให้ไว้เท่านั้นค่ะ อย่างไรก็ดี เราขอขอบพระคุณ
คุณอรุณรัศมี ที่ให้แง่คิดดีๆ กับท่านผู้อ่านเพื่อรู้จักกับความเกิด
ที่ต้องมีการดับไปเป็นของธรรมดา
และเราควรเตรียมตัวอย่างไรเมื่อเวลานั้นมาถึง
สำหรับคอลัมภ์ของเราฉบับนี้นะคะ
..แล้วพบกันใหม่กับเรื่องราวดีๆ กับเราฉบับหน้านะคะ แต่จะเป็นเรื่องราวอะไร
อย่างไร ติดตามกันฉบับหน้าที่นี่ค่ะ..