เรื่องย่อตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา
พุทธศักราช ๒๑๐๖ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ทรงกรีฑาทัพเข้าตีราชอาณาจักรอยุธยา โดยได้เข้ายึดครองหัวเมืองฝ่ายเหนืออันมี เมืองพิษณุโลก เป็นราชธานี ได้เป็นผลสำเร็จ ครั้งนั้น สมเด็จพระมหาธรรมราชา (เจ้าแผ่นดินครองเมืองพิษณุโลก - พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวร หรือ พระองค์ดำ) จำต้องยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าบุเรงนอง เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตอาณาประชาราษฎร์มิให้ต้องมีภัยอันตราย และจำต้องยอมร่วมกระบวนทัพพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ศึกครั้งนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เจ้าแผ่นดินอยุธยา ทรงยอมเจรจาหย่าศึกกับพม่ารามัญ และ ถวายช้างเผือก ๔ เชือก ทั้งให้ สมเด็จพระราเมศวร (ราชโอรส) เสด็จไปประทับยังนครหงสาวดีตามพระประสงค์ของกษัตริย์พม่า ข้างสมเด็จพระมหาธรรมราชา ก็จำต้องถวายตัว สมเด็จพระนเรศวรราชโอรสองค์โต ซึ่งมีพระชนมายุได้เพียง ๙ ชันษา ไปเป็นองค์ประกัน ประทับยังหงสาประเทศเช่นกัน
ด้วยพระปรีชาสามารถด้านพิชัยยุทธ ทั้งยังองอาจกล้าหาญ สมเด็จพระนเรศวร
จึงทรงเป็นที่รักใคร่ของ พระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง
ประดุจพระราชบุตรร่วมสายสันตติวงศ์ แลทรงมีสายพระเนตรยาวไกล
เห็นว่าสืบไปเบื้องหน้า สมเด็จพระนเรศวร
จะได้ขึ้นเป็นใหญ่ในอุษาคเนย์ประเทศ
จึงทรงปลูกฝังให้สมเด็จพระนเรศวรผูกพระทัยรักแผ่นดินหงสา
เพื่อจะได้อาศัยเป็นผู้สืบอำนาจอุปถัมภ์ค้ำชูราชอาณาจักรซึ่งพระองค์ทรงสถาปนาขึ้นด้วยความยากลำบาก
แลหาได้วางพระทัยในพระราชโอรส พระเจ้านันทบุเรง และพระราชนัดดา มังกยอชวา
ด้วยทรงเล็งเห็นว่าราชนิกุลทั้งสองพระองค์นั้น หาได้เป็นผู้ทรงคุณธรรม
เหตุนี้จึงเป็นชนวนให้ พระเจ้านันทบุเรง และ ราชโอรสมังกยอชวา
ขัดพระทัยทั้งผูกจิตริษยา สมเด็จพระนเรศวร ตลอดมา
นับแต่เริ่มเข้าประทับในหงสานคร พระเจ้าบุเรงนองทรงโปรดให้
พระมหาเถรคันฉ่องพระรามัญผู้มากด้วยวิทยาคุณและเจนจบในตำราพิชัยสงคราม
เป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดศิลปะวิทยาการแก่ สมเด็จพระนเรศวร
ยังผลให้ยุพราชอยุธยาเชี่ยวชาญการยุทธ กลช้าง กลม้า กลศึก
ทั้งข้างอยุธยาและข้างพม่ารามัญหาผู้เสมอเหมือน
พุทธศักราช ๒๑๑๒ (๖ ปีต่อมา) สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
เจ้าแผ่นดินอยุธยาเสด็จออกผนวช แลสถาปนา สมเด็จพระมหินทร์
ราชโอรสองค์รองขึ้นเสวยราชสมบัติสืบแทน สมเด็จพระมหินทร์
ทรงคลางแคลงพระทัยในความจงรักภักดีของ สมเด็จพระมหาธรรมราชา
มาแต่ครั้งสงครามชิงช้างเผือก เมื่อ ๖ ปีก่อน
ขณะที่เจ้าแผ่นดินพิษณุโลกก็หาได้ยำเกรงสมเด็จพระมหินทร์เช่นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
กษัติร์ย์อยุธยาพระองค์ใหม่ จึงหันไปสมคบกับ สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาว ร่วมกันเข้าตีเมืองพิษณุโลก
แต่กระทำการมิสำเร็จ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง
เห็นเชิงสบโอกาสจึงยกทัพใหญ่เข้าตีกรุง
ศรีอยุธยาอีกคำรบ ครั้งนั้น สมเด็จพระนเรศวร
ร่วมโดยเสด็จมากับทัพหงสา แลทรงประทับอยู่เพียงเมืองพิษณุโลก มีเพียง
สมเด็จพระมหาธรรมราชาโดยเสด็จกษัตริย์หงสาลงมากรุงศรีอยุธยา
ด้วยตั้งพระทัยจะเกลี้ยกล่อมให้ สมเด็จพระมหินทร์
ยอมสวามิภักดิ์พระเจ้าบุเรงนอง เพราะเล็งเห็นว่าอยุธยายากจะต่อรบเอาชัย
แม้ศึกครั้งนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ทรงลาผนวชมาบัญชาการรบด้วยพระองค์เอง
แต่อยู่ได้มิช้านานก็เสด็จสวรรคตระหว่างศึก
กรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ข้าง สมเด็จพระนเรศวร
ซึ่งประทับอยู่ยั้งยังนครพิษณุโลกแต่ต้นศึก ทรงรู้ซึ้งว่า
สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดามิได้คิดคดเป็นกบฏต่อแผ่นดิน
แต่ก็หาได้เห็นด้วยกับการอ่อนข้อสวามิภักดิ์พม่ารามัญ น้ำพระทัยอันมั่นคง
เด็ดเดี่ยวนั้น ถึงแม้จะมิได้แพร่งพราย
แต่ก็ประจักษ์อยู่ในหมู่ข้าราชบริพารใกล้ชิดผู้รักและหวงแหนในเอกราชของแผ่นดิน
จึงพากันนิยมในน้ำพระทัย แลพร้อมใจถวายความจงรักภักดีแต่นั้นมา
ครั้นเสร็จศึกอยุธยาพุทธศักราช ๒๑๑๒ สมเด็จพระมหาธรรมราชา ทรงถวาย
พระสุพรรณกัลยา (พระพี่นางสมเด็จพระนเรศวร) แก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง และ
สมเด็จพระมหาธรรมราชา ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา
ครั้นลุปีพุทธศักราช ๒๑๑๔ พระสุพรรณกัลยา แลขอตัว สมเด็จพระนเรศวร
จากพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เสด็จกลับยังเมืองพิษณุโลก
เพื่อช่วยราชการข้างอยุธยา และโปรดให้สมเด็จพระนเรศวรเสวยราชย์ครอง
เมืองพิษณุโลก เป็นใหญ่เหนือหัวเมืองเหนือทั้งปวง
(เครดิต MThai)
นำเสนอข่าวโดย : Kittisuda .,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส