นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จทางด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่น ของ
บริษัทเวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส จำกัด และ บริษัทบ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด
หลังจากทุ่มทุนกว่า 100 ล้าน สร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง ’ยักษ์“
ผลงานที่กลั่นจากสมองและสองมือกำกับของ ประภาส ชลศรานนท์
จนโด่งดังและเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ
มีหลายประเทศติดต่อเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายมากมาย
ล่าสุดบริษัท เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์สฯและ บริษัทบ้านอิทธิฤทธิ์ฯ
ได้ส่งภาพยนตร์ช็อตแอนิเมชั่นเรื่อง FEED (ฟีด) เข้าประกวดใน งาน Shot.
Sweet. Film Fest (ช็อต สวีท ฟิล์ม เฟส) ซึ่งประกวดประเภทภาพยนตร์สั้น
ขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
ปรากฏว่าผลงานช็อตแอนิเมชั่นของคนไทยเรื่อง FEED ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภท
Best Animation 2014 (เบสแอนิเมชั่น 2014) จากงานดังกล่าว
ข่าวดีอย่างนี้ทำเอาทีมงานผู้ผลิตยิ้มกันถ้วนหน้า
เพราะนับเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จเรื่องการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นของคนไทย
ในระดับสากล
FEED เป็นผลงานการสร้างสรรค์จากฝีมือทีมงานคุณภาพ ซึ่งมี ประภาส
ชลศรานนท์ ครีเอทีฟนักคิดนักเขียนนักแต่งเพลง ฯลฯ อันดับต้น ๆ ของประเทศ
ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ มี พานิชย์ สดสี
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายผลิต ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ และ
เอ็กซ์-ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่า ทำไม FEED
ถึงได้รางวัลชนะเลิศในครั้งนี้
FEED เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคุณยายคนหนึ่งกับสัตว์เลี้ยง
ที่พล็อตเรื่องหักมุมเซอร์ไพร้ส์คนดูมาก ๆ
ซึ่งใครที่อยากชมสามารถติดตามชมช็อตแอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้เร็ว ๆ นี้
ที่แฟนเพจเวิร์คพอยท์ฯ ซึ่งรายละเอียดของแอนิเมชั่นเรื่องนี้ ประภาส
ได้เผยรายละเอียดให้ฟังว่า
“ความรู้สึกแรกคือดีใจแบบเซอร์ไพร้ส์ว่านี่มันรางวัลระดับโลกเลยนะ
เขาประกวดกันทั้งโลกแล้วชื่อประเทศไทยก็ถูกประกาศออกมา
มันเป็นเรื่องน่าภูมิใจมาก ๆ ก่อนประกาศผลนี่
คนบางประเทศยังถามเราอยู่เลยว่า ประเทศไทยเราขี่ช้างไปโรงเรียนกันอยู่
แล้วเรามีโรงเรียนสอนทำแอนิเมชั่นด้วยหรือ
คือเขายังคิดว่าประเทศเราด้อยพัฒนาอย่างมาก แต่พอเขาเห็นงานของเราเห็น
“ยักษ์” เห็น FEED เขาก็ทึ่ง โปรดิวเซอร์ต่างชาติหลายคนพูดเลย
งานสไตล์นี้ฮอลลีวูดไม่มี ในญี่ปุ่นก็ไม่มี คือเราก็คิดแบบคนไทยนี่แหละครับ
ผมว่างานศิลปะของคนไทยนี่ไม่ธรรมดา มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก ศิลปินไทย
เด็กไทยมีฝีมือเรื่องนี้มาก ทีมงานสร้าง FEED มีเด็กรุ่นใหม่ ๆ หลายคน
ปีที่ผ่านมาแอนิเมชั่นเรื่อง “ยักษ์” ได้ฉายโชว์ในหลาย ๆ เฟสติวัล
แต่ถ้าส่งประกวดเป็นเรื่องเป็นราว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกครับ”
“ความอยากมันเกิดขึ้นหลังจากที่เราทำแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์
แล้วฟีดแบ็กที่ยักษ์ไปฉายในประเทศต่าง ๆค่อนข้างดี
ทำให้เราเห็นศักยภาพบางอย่างของแอนิเมชั่นของเรา ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นของเรา
เนื้อเรื่องแบบของเรา เห็นว่าคนชาติอื่น ๆ เขาเข้าใจมุกแบบของเรา
เราจึงนึกสนุกอยากลองทำหนังแอนิเมชั่นสั้น ๆ ไปอวดชาติอื่น ๆ ดูบ้าง
เราตั้งใจทำกันหลายเดือนอยู่นะ แม้จะมีความยาวแค่สี่นาที และไม่มีบทพูดเลย
แต่เราก็แก้บทกันหลายรอบมาก ต้องพิถีพิถัน เพราะหนังจะใช้ภาษาภาพอย่างเดียว
อันที่จริงหนังยิ่งสั้นยิ่งทำยาก ผู้กำกับหลายคนก็บอก ในพื้นที่น้อย ๆ
ที่เราอยากจะสื่อสารอะไรสักอย่าง
เราต้องใช้พื้นที่ตรงนั้นให้คุ้มค่าและทรงพลังที่สุด”
“เรื่องนี้ชื่อเรื่องก็บอก
FEEDการเลี้ยงดูประเด็นความคิดเรื่องการเลี้ยงการประคบประหงมมันทำให้ผมนึก
เทียบไปเทียบมาระหว่างสังคมกับประเทศ ระหว่างประเทศใหญ่กับประเทศเล็ก
ผู้ปกครองกับประชาชน ทุกวันนี้มนุษย์กับมนุษย์ดูแลกันแบบไหน
ในบางอารมณ์ผมก็อยากแดกดันว่าคุณแน่ใจหรือว่าคุณอยู่ในโซ่ข้อไหนของห่วงโซ่
อาหาร
ภาพยนตร์ทุกเรื่องไม่ว่าจะคนแสดงหรือเป็นแอนิเมชั่นต้องเริ่มด้วยแนวความคิด
ก่อน หลังจากนั้นมันก็จะถูกกลั่นออกมาเป็นบท ผมให้ความสำคัญของบทมากกว่า 70
เปอร์เซ็นต์ ผมมักจะใช้เวลากับตรงนี้มากที่สุด
อาจจะเป็นเพราะความเป็นนักเขียนของผมด้วย
ผมจึงมักจะแก้บทแก้เนื้อเรื่องจนกว่าจะพอใจ”
“หลังจากประกวดเสร็จแล้วก็คงเอามาฉายให้คนไทยได้ดูทางทีวี
และทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก การทำหนังสั้นโดยมากเขาจะไม่ได้ทำเพื่อการค้า
หนังสั้นจึงค่อนข้างเป็นเรื่องของศิลปะ เรื่องของการทดลอง
เรื่องของแนวความคิดเป็นส่วนใหญ่
รางวัลนี้จะทำให้คนในอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นทั้งโลกได้ยินชื่อประเทศไทย
ผมว่าก้าวต่อไปของแอนิเมชั่นไทยคือ เราจะคิดทำขายแต่ในประเทศไม่ได้แล้ว
และการที่เราชนะรางวัล best animation
มามันทำให้คนชาติอื่นยอมรับอย่างที่สุดแล้วครับ”
เป็นเรื่องดี ๆ ที่คนไทยทั้งประเทศ ภาคภูมิใจเป็นที่สุด..