โบวี่ เล่าว่า สำหรับร้านต่อผม เอช ฟอร์ ฮอตตี้ส์ ต่างจากร้านต่อผมทั่วไป เพราะเป็นเทคนิคการต่อผมแบบใช้ “กิ๊บ”
ลูกค้าสามารถซื้อไปต่อได้เองที่บ้าน
โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งช่างทำผมแต่อย่างใด ดังนั้น
ร้านของเราจึงเป็นร้านขายผม ไม่ใช่ร้านต่อผมเหมือนกับร้านทั่วไป
และปัจจุบันการต่อผมแบบกิ๊บหนีบ ยังไม่แพร่หลายมากนักในบ้านเรา
ทำให้ร้านขายผมต่อของเราได้รับความสนใจมีลูกค้าเข้าเลือกซื้อไปใช้กันเป็น
จำนวนมมาก
ที่ผ่านมา การต่อผมแบบใช้กิ๊บหนีบ จะมีใช้กันในแวดวงดารานักแสดง
ที่ต้องเข้าฉากแสดงละคร หรือ
ภาพยนตร์ที่บางครั้งจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทรงผม
ทางกองถ่ายก็ใช้เทคนิคการต่อผมแบบกิ๊บหนีบ เพราะสามารถถอดเข้า ออกได้สะดวก
ซึ่งในกลุ่มดารานักแสดงจะรู้จักกันดี
และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมานานหลายปี
“โบวี่ เห็นว่า ยังไม่เคยมีใครนำการต่อผมแบบกิ๊บมาขาย
เราน่าจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ จึงตัดสินใจเข้าไปค้นหาข้อมูล
และหาแหล่งผลิต
ซึ่งในกลุ่มดารานักแสดงที่มีการซื้อใช้กันนั้นมักจะซื้อมาจากต่างประเทศ
แต่ในส่วนของโบวี่ได้รู้จักโรงงานผลิตในประเทศ
จึงซื้อจากโรงงานได้ราคาไม่สูงมาก ขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่ง”
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นธุรกิจส่วนตัวครั้งแรก ตั้งใจจะทำแบบเล็ก ไม่ได้ลงทุนมาก แต่เป็นการลงทุนแบบระมัดระวัง
โดยเริ่มจากเปิดขายผ่านทางเว็บไซต์ พอมีรายได้เข้ามา
จึงมาเปิดร้านสาขาแรกยูเนี่ยนมอลล์
ซึ่งประสบความสำเร็จมีลูกค้าให้ความสนใจค่อนข้างมาก จึงเปิดสาขาที่สอง
ที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ซึ่งได้รับการตอบรับดีเช่นกัน
ากความสำเร็จทั้งสองสาขา มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่ม
แต่คงจะต้องพิจารณาเลือกสถานที่ เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย สำหรับร้านต่อผม
เอช ฟอร์ ฮอตตี้ส์ เปิดมาได้ประมาณ 1 ปี ส่วนสาขาแห่งที่สอง
เปิดมาได้ประมาณ 4 ถึง 5 เดือน ข้อดีของการต่อผมแบบใช้กิ๊บ ที่
ทำให้ลูกค้าสนใจ เพราะเป็นแผงผมติดกับกิ๊บ ยึดผมแน่น และสามารถทำได้เอง
ถอด เข้าออกได้เท่าที่ต้องการ
สามารถแซมทำเป็นสีไฮไลท์ได้เนียนเหมือนกับการต่อผม ทำจากผมจริง
และผมสังเคราะห์ สามารถม้วน หรือไดร์ ได้เช่นเดียวกับผมปกติ
และเก็บไว้ใช้ได้นานเป็นปี
ในขณะที่การต่อผมทั่วไป เมื่อใช้ไปได้ประมาณ 3 ถึง 4 เดือนก็ต้องไปรื้อออก
เพราะผมจริงจะเริ่มยาวออกมาผมจะม้วนและพันกันกับผมต่อทำให้ดูไม่สวย
ซึ่งการรื้อออกแต่ละครั้งจะเจ็บและทำให้ผมจริงขาดได้
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าหันมาให้ความสนใจ
การต่อผมแบบใช้กิ๊บหนีบมากขึ้น
สำหรับราคาใกล้เคียงกับการต่อผมทั่วไป โดยราคาขึ้นอยู่กับว่าเป็นผมจริง
หรือผมสังเคราะห์ และขึ้นอยู่กับขนาดของแผงผม ซึ่งมีให้เลือก 4 ขนาด
เริ่มต้นที่แผงเล็กราคาแผงละ 190 บาท 530 บาท 590 บาท และ 630 บาท
ถ้าซื้อเป็นเซ็ท ราคาเซ็ทละ 3,200 บาท
ในส่วนของแฟชั่นต่อผมแบบกิ๊บหนีบ ในต่างประเทศมีแฟชั่นให้เลือกหลายแบบ
แต่เนื่องจากลูกค้าไทยไม่ค่อยนิยม ที่ร้านของเราจึงมีแบบให้เลือกไม่มาก
อย่างเช่น ผมหน้าม้า และผมจุก ซึ่งเป็นแฟชั่นได้รับอิทธิมาจากประเทศเกาหลี
และญี่ปุ่น โดยในช่วงที่ผ่านมาได้รับความนิยมและขายดีในกลุ่มวัยรุ่น
ที่นิยมแฟชั่นเกาหลี และญี่ปุ่น ส่วนแบบที่ลูกค้าคนไทยนิยมกันมากเป็นผมตรง
จะเห็นว่าสินค้าของที่ร้านจะมีแต่ผมตรง เป็นส่วนใหญ่
กลุ่มลูกค้า วัยรุ่น นักศึกษา วัยทำงาน อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปจนถึงไม่เกิน 40 ปี
ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก เมื่อเพื่อนซื้อไปใช้
และเห็นว่าสวยก็แนะนำต่อๆกันมา ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก
เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการต่อผมที่ติดไปเลย ไม่ใช่การต่อแบบใช้กิ๊บ
โดยเราจะเลือกสินค้าคุณภาพดีมาขายและตั้งราคาไม่แพงมาก
เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ
ต้องการให้คนใช้พึ่งพอใจและเกิดการบอกต่อมากกว่า
“จุดเริ่มต้น มาจากการที่เราได้ทดลองใช้และเห็นว่าใช้ดี
ก็น่าจะขายได้ แรกนำเข้ามาขายให้กลุ่มเพื่อนดารา ด้วยกันก่อน
และมีการขายกันผ่านทางเว็บไซต์ ต่อมาก็ค่อยขยับขยายมาเปิดร้าน
เป็นการลงทุนแบบระมัดระวัง เราไม่อยากผิดพลาด
และก็ไม่ได้ทำประชาสัมพันธ์อะไร ไม่ได้อาศัยความเป็นดารา แต่อย่างใด
แต่พอสื่อรู้ว่าเป็นร้านของดาราก็มาสัมภาษณ์
ทำให้ได้มีโอกาสทำประชาสัมพันธ์ ร้านไปในตัว”